ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภัยร้ายที่ไม่คาดฝัน
ในโลกที่ไม่มีอะไรแน่นอน ภัยพิบัติทางธรรมชาติสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ถือเป็นเครื่องเตือนใจถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติในโลก เหตุการณ์หายนะเหล่านี้ มักจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทั้งยังร้ายแรง สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า พร้อมทิ้งความหายนะไว้เบื้องหลัง
ภัยพิบัติทางธรรมชาติสามารถก่อให้เกิดความวุ่นวายตั้งแต่ระดับเล็ก ๆ ไปถึงระดับที่ไม่อาจจินตนาการได้ เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจเกี่ยวกับภัยพิบัติธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เราได้เจาะลึกเกี่ยวกับขอบเขตของภัย พิบัติ ต่าง ๆ เพื่อทำความเข้าใจรูปแบบต่าง ๆ สาเหตุเบื้องหลัง ไปจนถึงผลกระทบที่จะตามมา การเกิดขึ้นกับภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบ ไปจนถึงผู้อยู่อาศัยในพื้นที่นั้นอีกด้วย
นอกจากนี้ เราจะสำรวจประเทศต่าง ๆ ที่มักต้องทนทุกข์ทรมานจากภัยพิบัติเหล่านี้ โครงการที่คอยช่วยเหลือ ยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยความเห็นอกเห็นใจ ไปยังผู้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างยิ่ง เพื่อมอบความหวังให้กับผู้ประสบภัย เป็นแสงแห่งความหวังอันริบหรี่
ประเภทการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ มีอะไรบ้าง
ภัยพิบัติทางธรรมชาติภายในโลกนั้นมีด้วยกันหลากหลายอย่าง ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีการแบ่งหมวดหมู่ของภัยพิบัติทางธรรมชาติออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ซึ่งถูกแบ่งตามสาเหตุของการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ดังนี้
1. ภัยพิบัติทางธรณีวิทยา สิ่งเหล่านี้มีต้นกำเนิดมาจากภายในโลก ตัวอย่างเช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด หรือเกิดสึนามิ เป็นต้น การเกิดแผ่นดินไหวนั้นมาจากการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก ทำให้เกิดพลังงานมหาศาล จนเกิดการสั่นสะเทือนของพื้นดิน มักส่งผลให้เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ตามมา การปะทุของภูเขาไฟปล่อยลาวา ปล่อยเถ้าถ่านนั้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางภูมิทัศน์ สร้างความเดือดร้อนให้ประชากรในบริเวณใกล้เคียง ส่วนสึนามิ คลื่นมหาสมุทรขนาดใหญ่ที่เกิดจากแผ่นดินไหวใต้น้ำ ท่วมพื้นที่ชายฝั่งทะเลด้วยพลังร้ายแรง
2. ภัยพิบัติบนพื้นผิวโลก ได้แก่น้ำท่วม ไฟป่า รวมถึงดินถล่ม เป็นต้น ภัยที่จัดอยู่ในหมวดหมู่นี้ อย่างน้ำท่วมซึ่งเกิดจากฝนตกหนัก หิมะละลาย หรือการล้นของน้ำในเขื่อน ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่จมอยู่ใต้น้ำ ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง ไฟป่าเองก็เช่นกัน ซึ่งความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับความแห้งแล้ง หรือการกระทำของมนุษย์ ทำลุกลามทำลายระบบนิเวศ ส่วนดินถล่มนั้นเกิดจากฝนตกหนัก หรือเหตุการณ์แผ่นดินไหว ส่งผลให้ดิน หิน เคลื่อนตัวลงมาอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อชุมชนอย่างมีนัยสำคัญ
3. ภัยพิบัติในชั้นบรรยากาศ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศของโลก ตัวอย่างเช่นพายุเฮอริเคน พายุทอร์นาโด เป็นต้น พายุเฮอริเคนที่เกิดจากน้ำทะเลอุ่น พัฒนาเป็นพายุขนาดใหญ่ที่มีลมแรง ฝนตกหนัก พายุทอร์นาโดซึ่งมีลักษณะของเมฆรูปกรวยและลมที่รุนแรง สามารถสร้างความหายนะให้กับชุมชนได้
สาเหตุหลักของการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาตินั้นมาจากอะไรได้บ้าง
เพื่อให้การทำความเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง สำหรับการเตรียมความพร้อม เพื่อการบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ หรือความรุนแรงของเหตุการณ์เหล่านี้
1. แผ่นดินไหว แผ่นดินไหวเป็นผลมาจากการเคลื่อนที่ที่ซับซ้อนของแผ่นเปลือกโลกใต้พื้นผิวโลก เมื่อแผ่นเปลือกโลกเหล่านี้ชน แยกออกจากกัน หรือเลื่อนผ่านกันและกัน จะปล่อยพลังงานจำนวนมหาศาล นำไปสู่การสั่นสะเทือนของพื้นดิน รอยเลื่อน ซึ่งอาจทำให้เกิดสึนามิได้หรือ ภัยพิบัติต่าง ๆ ตามมา
2. น้ำท่วม น้ำท่วมอาจเกิดจากฝนตกหนัก หิมะละลายอย่างรวดเร็ว แม่น้ำล้น หรือเขื่อนแตก การพัฒนาเมืองเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม อาจทำให้ความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมรุนแรงขึ้น ซึ่งนำไปสู่การทำลายทรัพย์สินอย่างกว้างขวาง เป็นภัยคุกคามต่อชีวิตมนุษย์
3. ไฟป่า ไฟป่าส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่แห้ง และมักจะเกิดจากการจุดติดไฟด้วยฝีมือของมนุษย์ เช่น การแคมป์ไฟโดยไม่มีใครดูแล การทิ้งบุหรี่ หรือประกายไฟจากอุปกรณ์ต่าง ๆ หรืออาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะส่งผลต่อความรุนแรงของไฟป่า
4. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีบทบาทสำคัญในการทำให้ภัยพิบัติต่าง ๆ รุนแรงขึ้น อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นทำให้เกิดคลื่นความร้อนรุนแรงมากขึ้น ความแห้งแล้งที่ยืดเยื้อ และพายุที่รุนแรง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อระบบนิเวศ สามารถขยายความเสียหายของภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ รุนแรงยิ่งขึ้น
5. พายุ ไม่ว่าจเป็นพายุเฮอริเคน ไต้ฝุ่น หรือพายุไซโคลน ล้วนเกิดจากกระแสน้ำทะเลอุ่น บวกกับสภาพบรรยากาศที่เอื้อต่อการก่อตัว จะทำให้เกิดพายุขึ้น ปรากฏการณ์ทางอุตุนิยมวิทยาเหล่านี้ อาจทำให้เกิดลมกระโชก ฝนตกหนัก หรือพายุขึ้นฝั่งได้
6. ภัยแล้ง ปริมาณน้ำฝนที่ไม่เพียงพอเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยทางภูมิอากาศที่ซับซ้อน ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ อัตราการระเหยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการใช้น้ำของมนุษย์ อาจทำให้สภาวะแห้งแล้งรุนแรงขึ้น ซึ่งนำไปสู่การขาดแคลนน้ำ การสูญเสียทางการเกษตร ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ
ผลที่ตามมาหลังเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดกับสถานที่ รวมถึงผู้อยู่อาศัย
ผลพวงของภัยพิบัติทางธรรมชาติมักมีลักษณะเป็นการทำลายล้างเป็นวงกว้าง สร้างความทุกข์ทรมานให้แก่ผู้อยู่อาศัยในบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก ผลที่ตามมานั้นเองก็มีหลากหลายแง่มุม โดยมีผลกระทบต่อทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ทรัพย์สิน ไปจนถึงสูญเสียชีวิต รวมถึงความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน ท่ามกลางผลที่ตามมาเหล่านี้ ความท้าทายที่ผู้ลี้ภัย หรือผู้พลัดถิ่นยิ่งต้องเผชิญเป็นเรื่องที่เจ็บปวดอย่างมาก
ผู้ลี้ภัย หรือผู้พลัดถิ่น นั้น มักเกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่ทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต้องไร้ที่อยู่อาศัย ทำให้ทั้งชุมชนต้องพลัดถิ่น หลังจากเกิดภัยพิบัติ ผู้คนส่วนใหญ่นั้นไม่มีที่อยู่อาศัย น้ำสะอาด อาหาร การรักษาพยาบาล ไปจนถึงการศึกษา ยิ่งกับประชากรกลุ่มเปราะบาง รวมถึงเด็ก ผู้สูงอายุ ไปจนถึงผู้ป่วย ล้วนมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น
การให้การสนับสนุน ช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นเหล่านี้โดยทันทีถือเป็นสิ่งสำคัญในการตอบสนองต่อภัยพิบัติ โดยครอบคลุมถึงความพยายามที่จะจัดหาที่อยู่อาศัยชั่วคราวที่ปลอดภัย การเข้าถึงน้ำสะอาด สุขอนามัย การรักษาพยาบาล รวมถึงการได้รับการดูแลทางด้านจิตใจด้วย นอกจากนี้ โครงการด้านการศึกษาและโอกาสในการดำรงชีวิตยังมีความสำคัญต่อการฟื้นฟูในระยะยาว
ประเทศที่ประสบกับเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยครั้ง และโครงการช่วยเหลือที่ให้ความช่วยเหลือ
เนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ไปจนถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม บางประเทศมีความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ได้มากกว่าที่อื่น ประเทศเหล่านี้มักพบว่าตนเองต้องต่อสู้กับพลังทำลายล้างของธรรมชาติ จึงต้องพึ่งพาโครงการช่วยเหลือ เพื่อช่วยในการฟื้นฟูทั้งบุคลากร ฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ต่อไป
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกหรือที่เรียกว่า “วงแหวนแห่งไฟ” มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ และไต้ฝุ่น ประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างพบกับสิ่งเหล่านี้อยู่เป็นประจำ ในทำนองเดียวกัน ภูมิภาคต่าง ๆ ตามแนวชายฝั่งแปซิฟิกของสหรัฐอเมริกา รวมถึงแคลิฟอร์เนีย ออริกอน รวมถึงวอชิงตัน มักเผชิญกับความเสี่ยงจากแผ่นดินไหว เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับรอยเลื่อนซาน แอนเดรียส และเขตมุดตัวคาสคาเดีย รวมถึงพายุต่าง ๆ
เมื่อเผชิญกับภัยพิบัติอย่างท่วมท้น องค์กรด้านมนุษยธรรมจำนวนมากทั้งในระดับท้องถิ่น ไปจนถึงระหว่างประเทศ จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน พร้อมการสนับสนุนการฟื้นฟูในระยะยาว องค์กรเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการบรรเทาความทุกข์ทรมานของประชากรที่ได้รับผลกระทบ คอยช่วยเหลือชุมชนในการสร้างชีวิตของพวกเขาขึ้นมาใหม่
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านมา ตอนเกิดน้ำท่วมท่วมในหลายจังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครสวรรค์ นนทบุรี สิงห์บุรี และกรุงเทพฯ นั้น สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน หรือที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ทำให้คนจำนวนมากกลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย
ทางหน่วยงาน รวมถึงโครงการต่าง ๆ ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยกันระดมกำลังให้ความช่วยเหลือ ในจำนวนเหล่านี้ มีองค์กร Habitat for Humanity Thailand และ UNHCR ได้ริเริ่มความพยายามเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ซึ่งเริ่มจากการเปิดรับการบริจาคอาหาร รวมถึงสิ่งของต่าง ๆ ไปจนถึงการบริจาคทางการเงินเพื่อสนับสนุนโครงการ มุ่งช่วยเหลือทุกคน
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพื่อบรรเทาความเสียหาย
ในฐานะมนุษย์ย่อมที่จะมีความเห็นอกเห็นใจ เราทุกคนมีบทบาทในช่วยการบรรเทาความเสียหาย หรือความเดือดร้อนที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ การบริจาคให้กับองค์กรด้านมนุษยธรรมที่มีชื่อเสียง รวมถึงการมีส่วนร่วมในการบรรเทาทุกข์ สามารถสร้างความหวังให้แก่ผู้ประสบภัยพิบัติ
การมีส่วนร่วมในโครงการรเหล่านี้ จะช่วยให้บุคคลที่ได้รับความเดือดร้อนมีกำลังใจที่จะก้าวข้ามอุปสรรคต่อไป ด้วยทรัพยากรที่จำเป็นและการสนับสนุนจากผู้บริจาค รวมไปถึงการได้ที่พักอาศัยชั่วคราว การรักษาพยาบาล น้ำสะอาด สุขาภิบาล ไปจนถึงการศึกษา การช่วยคนที่เดือดร้อน เป็นอีกหนึ่งความสุขที่สามารถสัมผัสได้ง่าย ๆ
สรุป ภัยพิบัติทางธรรมชาตินำไปสู่การช่วยเหลือ
ภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นเครื่องเตือนใจถึงพลังอันมหาศาล ที่มิอาจคาดเดาได้ ทั้งยังทิ้งความหายนะและความสิ้นหวังไว้ อย่างไรก็ตาม ด้วยสิ่งนี้เอง ช่วยให้เราเห็นสิ่งดี ๆ ของมนุษย์ นั้นคือการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ถือเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่กำลังประสบปัญหาได้เป็นอย่างดี เพื่อที่จะให้เขามีกำลังใจที่กลับมาสู้อีกครั้ง สำหรับท่านที่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สามารถเริ่มได้จากการบริจาคเงินให้กับองค์กรที่เชื่อถือได้ เพื่อให้เขานำเงินเหล่านั้นไปช่วยผู้อื่นต่อไป