10 ยาคุมยี่ห้อไหนดี คุมกำเนิดก็ได้ ปรับฮอร์โมนก็ดี
สิ่งที่สาว ๆ จะต้องรู้คือเรื่องของยาคุมกำเนิด เพราะประโยชน์ของยาคุมกำเนิดนั้นมีมากมายนอกจากการคุมกำเนิดตามชื่อ ทั้งช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเพศ ลดอาการไม่พึงประสงค์จากการมีประจำเดือน และยังช่วยเรื่องผิวพรรณอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่ายาคุมกำเนิดที่มีวางจำหน่ายทั่วไปมีหลากหลายชนิด หลากหลายยี่ห้อ แล้วสรุปแล้วควรใช้ยาคุมยี่ห้อไหนดี กินแล้วไม่อ้วน เราขอมัดรวมยาคุมยี่ห้อที่ดีและเป็นที่นิยม 10 ชนิดเพื่อให้เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่เริ่มต้นใช้ยาคุมกัน
ทำความรู้จักยาคุมกำเนิด
ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth Control Pill) เป็นวิธีที่ใช้คุมกำเนิดที่ได้รับความนิยมและได้ประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่ง โดยยาคุมกำเนิดมี 2 ชนิดคือ ฮอร์โมนเดี่ยวและฮอร์โมนรวม ซึ่งแบบฮอร์โมนรวมจะได้รับความนิยมมากที่สุด สำหรับฮอร์โมนเดี่ยวนั้นจะเหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติภายในมดลูกหรือเยื่อบุโพรงมดลูก และคุณแม่ในช่วงให้นมบุตร
ยาคุมกำเนิดเป็นฮอร์โมนเพศ ที่ช่วยให้ร่างกายมีระดับฮอร์โมนเพศที่สูงขึ้น และทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการตั้งครรภ์ โดยปริมาณตัวยาฮอร์โมนของยาคุมกำเนิดนั้นจะแตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อ ส่วนจำนวนเม็ดในแผงยาจะไม่ค่อยมีความแตกต่าง ส่วนมากจะมีแผงละ 21 เม็ดและ 28 เม็ด สำหรับรับประทาน 1 เดือน
โดยสาว ๆ จำเป็นต้องรับประทานยาคุมกำเนิดให้ตรงเวลาและสม่ำเสมอ เพื่อให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูง หากลืมรับประทานอาจทำให้เกิดผลเสีย และยังทำให้ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีเลือกยาคุมกำเนิดให้เหมาะกับตัวเอง
ยาคุมกำเนิดมีหลายแบบหลายยี่ห้อ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าควรใช้ยาคุมยี่ห้อไหนดี ต้องรู้ก่อนว่าสภาพร่างกายของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน หากจะให้รับประทานตามคนอื่นเพราะเห็นว่าเขารับประทานแล้วให้ผลดี เวลาเรามารับประทานอาจไม่เห็นผลเลยก็ได้ ดังนั้นเราจึงควรเปลี่ยนจากหายาคุมยี่ห้อไหนดีมาเป็นยาคุมยี่ห้อไหนเหมาะสมกับเราที่สุด
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ายาคุมยี่ห้อไหนเหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด ในหัวข้อนี้เราขอแนะนำวิธีเลือกยาคุมให้เหมาะกับตนเอง ใช้แล้วให้ผลดีผลข้างเคียงน้อยกัน
1. ยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ที่ประจำเดือนมาปกติ
การใช้ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดโดยปกติแล้วมักจะแนะนำให้ใช้ยาคุมที่มีปริมาณ Ethinyl Estradiol (EE) ต่ำ ๆ เช่น 0.02 มิลลิกรัม เนื่องจาก Ethinyl Estradiol ที่ปริมาณสูงมักมีผลข้างเคียงมาก เช่น บวมน้ำ คลื่นไส้อาเจียน เป็นฝ้า
ดังนั้นในผู้ที่มีประจำเดือนมาปกติควรรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีปริมาณ Ethinyl Estradiol (EE) ไม่เกิน 0.02 มิลลิกรัมและ Desogestrel ไม่เกิน 0.15 มิลลิกรัม
2. ยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ที่ประจำเดือนมามาก
สำหรับผู้ที่มีประจำเดือนมามากในแต่ละรอบเดือน รวมถึงผู้ที่มีประจำเดือนระยะเวลานาน 7-10 วัน หรือมีรอบเดือนสั้นกว่า 28 วัน ควรเลือกใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ หรือยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว
3. ยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ที่ประจำเดือนมาน้อย
สำหรับผู้ที่มีประจำเดือนมาน้อยสามารถเลือกใช้ยาคุมกำเนิดประเภทฮอร์โมนรวมที่มีตัวยาลดฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน Cyproterone acetate
4. ยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ
การเลือกยาคุมกำเนิดของผู้ที่มีประจำเดือนมาไม่ปกติสามารถเลือกแบบผู้ที่มีประจำเดือนมาน้อยได้เลย คือเลือกใช้ยาคุมกำเนิดประเภทฮอร์โมนรวมที่มีตัวยาลดฮอร์โมนเพศชาย ที่ทำให้ฮอร์โมนร่างกายเราไม่สมดุลนั่นเอง
นอกจากนี้หากมีปัญหาสิว ผิวมัน ขนดกอันเนื่องมาจากฮอร์โมนเพศชายที่มากเกินไป ควรเลือกยาคุมที่มีส่วนประกอบของ cyproterone acetate, drospirenone, chlormadinone ซึ่งตัวยากลุ่มนี้จะช่วยลดฮอร์โมนเพศชายลง และช่วยให้ปัญหาผิวต่าง ๆ ลดลงด้วย
สำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรหรือมีความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของมดลูกหรือเยื่อบุโพรงมดลูกควรเลือกใช้ยาคุมประเภทฮอร์โมนเดี่ยวที่มีเพียงฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเท่านั้น เนื่องจากฮอร์โมนรวมที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังคลอด และน้ำนมไหลน้อยในคุณแม่ให้นมบุตรได้
ยาคุมกำเนิดยี่ห้อไหนดี
ยาคุมกำเนิดแต่ละยี่ห้อส่วนมากมักมีส่วนประกอบหลักที่เหมือนกัน อย่างชนิดฮอร์โมนรวมก็จะมีกลุ่มฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน และฮอร์โมนเดี่ยวก็จะมีเฉพาะกลุ่มฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงอย่างเดียว เพียงแต่อาจมีปริมาณของตัวยาฮอร์โมนที่แตกต่างกันไป และยาคุมกำเนิดบางยี่ห้ออาจเพิ่มตัวยาบางประการเพื่อรักษาอาการไม่พึงประสงค์ อย่างเช่นตัวยาลดฮอร์โมนเพศชาย เป็นต้น
รีวิว 10 ยาคุมยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2565
จะกินยาคุมครั้งแรก ยี่ห้อไหนดี? เราได้รวบรวม 10 ยาคุมยี่ห้อไหนดี คนส่วนมากนิยมใช้ให้เป็นข้อมูลสำหรับพิจารณาเลือกใช้กัน
1. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อซูซี่ (Sucee)
ยาคุมกำเนิดยี่ห้อซูซี่จากบริษัท Biopharm ซึ่งเป็นบริษัทคนไทยเป็นผู้ผลิต ตัวยาคุมมีต้นแบบมาจากยาคุมกำเนิดยี่ห้อไดแอน จึงมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกันมาก โดยมีตัวยาสำคัญ ฮอร์โมนเอสโตรเจน Ethinyl estradiol 0.035 มิลลิกรัมและฮอร์โมนโปรเจสติน Cyproterone acetate 2 มิลลิกรัม
โดยตัวยาคุมซูซี่นั้นมีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนที่อยู่ระดับกลาง ๆ จึงทำให้อาจพบผลข้างเคียงได้ เช่น คลื่นไส้อาเจียน บวมน้ำ ปวดศีรษะ เป็นต้น
- ประเภทของยาคุม : ชนิดฮอร์โมนรวม
- จำนวนเม็ดยา (ต่อแผง) : 21 เม็ด และ 28 เม็ด
- ราคา : 90-180 บาท
2. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อไดแอน (Diane)
ยาคุมกำเนิดยี่ห้อไดแอนเป็นยาต้นแบบของยาคุมกำเนิดยี่ห้อซูซี่ ผลิตโดยบริษัท Bayer Thai Co Ltd, Bayer HealthCare Pharmaceutical และจัดจำหน่ายโดยบริษัท DKSH ซึ่งมีตัวยาสำคัญคือ Cyproterone acetate 2 มิลลิกรัม และ Ethinyl estradiol 0.035 มิลลิกรัม เช่นเดียวกัน
ยาคุมกำเนิดยี่ห้อไดแอนมักนิยมใช้เพื่อปรับฮอร์โมนเพศ โดยตัวยาจะสามารถไปยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนเพศชายที่มากเกินไป ทำให้ลักษณะไม่พึงประสงค์จากฮอร์โมนเพศชายลดลง เช่น สิว หน้ามัน ขนดก เป็นต้น ในด้านผลข้างเคียงก็ยังสามารถพบได้ในยาคุมยี่ห้อไดแอน เนื่องจากมีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนอยู่ในตัวยา
- ประเภทของยาคุม : ชนิดฮอร์โมนรวม
- จำนวนเม็ดยา (ต่อแผง) : 21 เม็ด
- ราคา : 180-220 บาท
3. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อเฮอรซ์ (Herz)
ยาคุมกำเนิดยี่ห้อเฮอรซ์เป็นยาคุมที่ผลิตโดยบริษัท Biopharm ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับยาคุมกำเนิดยี่ห้อซูซี่ โดยมีต้นแบบของสูตรจากยาคุมกำเนิดยี่ห้อยาซ จึงทำให้ยาคุมเฮอรซ์มีจำนวนเม็ดยาแบบ 28 เม็ดต่อแผง เป็นตัวยาฮอร์โมน 24 เม็ดและยาหลอกอีก 4 เม็ดเช่นเดียวกัน
ยาคุมยี่ห้อเฮอรซ์มี Ethinyl estradiol 0.02 มิลลิกรัมและ Drospirenone 3 มิลลิกรัม ซึ่งจัดเป็นยาฮอร์โมนระดับต่ำมากจึงพบผลข้างเคียงจากการใช้ยาคุมได้น้อยมาก ๆ
นอกจากนี้ Drospirenone ที่เป็นส่วนประกอบมีคุณสมบัติต้านแอนโดรเจน แล้วยังช่วยลดอาการบวมน้ำ ลดอาการปวดประจำเดือนและลดอาการไม่พึงประสงค์ก่อนมีประจำเดือนได้อีกด้วย
- ประเภทของยาคุม : ชนิดฮอร์โมนรวม
- จำนวนเม็ดยา (ต่อแผง) : 28 เม็ด
- ราคา : 290-330 บาท
4. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อยาซ (Yaz)
ยาคุมยี่ห้อไหนดีตัวแรก ๆ ที่ใคร ๆ ก็แนะนำคือยาคุมยี่ห้อยาซ เพราะนอกจากประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดที่ดีแล้ว ยาคุมยี่ห้อยาซยังมีข้อแตกต่างจากยาคุมยี่ห้ออื่น ๆ คือมีตัวยา Drospirenone ที่ช่วยลดอาการบวมน้ำจากฮอร์โมน และยังสามารถลดอาการปวดประจำเดือน และรักษาอาการ PMDD (Premenstrual Dysphoric Disorder) หรือภาวะฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงในช่วงก่อนมีประจำเดือนอีกด้วย
ยาคุมยี่ห้อยาซจะแตกต่างจากยาคุมยี่ห้ออื่น ๆ คือใน 1 แผงจะมีเม็ดยา 28 เม็ด เป็นเม็ดยาที่มีตัวยา 24 เม็ดและเม็ดยาหลอกอีก 4 เม็ด ซึ่งยาคุมยี่ห้ออื่น ๆ ส่วนใหญ่มักจะมีตัวยา 21 เม็ดและเม็ดยาหลอก 7 เม็ด
ใน 1 เม็ดยาของยาคุมยี่ห้อยาซจะมี Ethinyl estradiol 0.02 มิลลิกรัมและ Drospirenone 3 มิลลิกรัม ซึ่งจัดได้ว่ายาคุมยี่ห้อยาซเป็นยาคุมฮอร์โมนระดับต่ำมาก ผลข้างเคียงจึงพบได้น้อยมาก ๆ
- ประเภทของยาคุม : ชนิดฮอร์โมนรวม
- จำนวนเม็ดยา (ต่อแผง) : 28 เม็ด
- ราคา : 550-590 บาท
5. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อยาสมิน (Yasmin)
ยาคุมกำเนิดยี่ห้อยาสมินเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ว่าใครถามว่าจะใช้ยาคุมยี่ห้อไหนดี กินแล้วไม่อ้วน ต่างก็แนะนำยี่ห้อนี้ เพราะยาคุมยาสมินมีตัวยา Drospirenone ที่มีคุณสมบัติลดอาการบวมน้ำจากฮอร์โมน ดังนั้นจึงทำให้ไม่อ้วนนั่นเอง
ยาคุมยี่ห้อยาสมินจะมีตัวยา Ethinyl estradiol 0.03 มิลลิกรัมและ Drospirenone 3 มิลลิกรัม ซึ่งมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สูงกว่ายาซ จึงอาจทำให้พบผลข้างเคียงที่มากกว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มฮอร์โมนระดับต่ำกว่าอีกหลาย ๆ ยี่ห้อ
- ประเภทของยาคุม : ชนิดฮอร์โมนรวม
- จำนวนเม็ดยา (ต่อแผง) : 21 เม็ด
- ราคา : 370-420 บาท
6. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อมินนี่ (Minny)
ยาคุมกำเนิดยี่ห้อมินนี่เป็นยาคุมที่ผลิตโดยบริษัท Biopharm ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับยาคุมกำเนิดยี่ห้อซูซี่และเฮอร์ซ เป็นตัวยาที่เหมาะกับผู้ที่เคยรับประทานยาคุมที่มีระดับฮอร์โมนสูงแล้วเกิดผลข้างเคียงมากจนต้องการเปลี่ยนยาคุม เนื่องจากยาคุมกำเนิดยี่ห้อมินนี่สามารถควบคุมการปรับระดับฮอร์โมนในร่างกาย จากที่มีฮอร์โมนสูงกลับมาอยู่ในระดับปกติได้ แต่ก็ยังสามารถทำหน้าที่เดิมคือการป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยาคุมกำเนิดยี่ห้อมินนี่เป็นยาคุมกำเนิดที่มีระดับฮอร์โมนต่ำมาก โดยมีปริมาณตัวยา Ethinyl estradiol 0.02 มิลลิกรัมและ Desogestrel 0.15 มิลลิกรัมเท่านั้น จึงพบผลข้างเคียงหลังจากใช้ยาคุมมินนี่ได้น้อยมาก
- ประเภทของยาคุม : ชนิดฮอร์โมนรวม
- จำนวนเม็ดยา (ต่อแผง) : 21 เม็ด และ 28 เม็ด
- ราคา : 110-130 บาท
7. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อมาร์วีลอน (Marvelon)
ยาคุมกำเนิดยี่ห้อมาร์วีลอน จะเป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมที่มี 2 แบบให้เลือกใช้คือแบบ 21 เม็ดและแบบ 28 เม็ด ซึ่งจำนวนเม็ดยา 21 เม็ดต่อแผง มีปริมาณตัวยาเท่ากันทุกเม็ด ใน 1 เม็ดจะประกอบไปด้วย Ethinyl estradiol 0.03 มิลลิกรัมและ Desogestrel 0.15 มิลลิกรัม ส่วนจำนวนเม็ดยา 28 เม็ดต่อแผง จะมีเพียง 21 เม็ดที่มีตัวยาและอีก 7 เม็ดเป็นยาหลอกหรือเม็ดแป้งที่ไม่มีฤทธิ์ใด ๆ
ยาคุมยี่ห้อมาร์วีลอนจัดเป็นยาคุมระดับฮอร์โมนต่ำ แต่ก็ยังสามารถพบอาการข้างเคียงหลังจากใช้ยาได้บ้างเนื่องจากยังมีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สูงกว่า 0.02 มิลลิกรัม
- ประเภทของยาคุม : ชนิดฮอร์โมนรวม
- จำนวนเม็ดยา (ต่อแผง) : 21 เม็ด และ 28 เม็ด
- ราคา : 100-130 บาท
8. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อริต้า (Rita)
ยาคุมกำเนิดยี่ห้อริต้า จะเป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมที่มี 2 แบบให้เลือกใช้คือแบบ 21 เม็ดและแบบ 28 เม็ด ซึ่งจำนวนเม็ดยา 21 เม็ดต่อแผง มีปริมาณตัวยาเท่ากันทุกเม็ด ใน 1 เม็ดจะประกอบไปด้วย Ethinyl estradiol 0.03 มิลลิกรัมและ Desogestrel 0.15 มิลลิกรัม ส่วนจำนวนเม็ดยา 28 เม็ดต่อแผง จะมีเพียง 21 เม็ดที่มีตัวยาและอีก 7 เม็ดเป็นยาหลอกหรือเม็ดแป้งที่ไม่มีฤทธิ์ใด ๆ
- ประเภทของยาคุม : ชนิดฮอร์โมนรวม
- จำนวนเม็ดยา (ต่อแผง) : 21 เม็ด และ 28 เม็ด
- ราคา : 85-125 บาท
9. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อเมอซิลอน (Mercilon)
ยาคุมกำเนิดยี่ห้อเมอซิลอน จะมีอยู่ 2 แบบคือแบบ 21 เม็ดต่อแผงและ 28 เม็ดต่อแผง โดยทั้ง 2 แบบจะมีตัวยาฮอร์โมนอยู่ 21 เม็ดเท่านั้น (แบบ 21 เม็ดต่อแผงมีตัวยาฮอร์โมนทุกเม็ด และแบบ 28 เม็ดมีตัวยาฮอร์โมน 21 เม็ดและยาหลอก 7 เม็ด) ใน 1 เม็ดจะมีตัวยา Ethinyl estradiol 0.02 มิลลิกรัมและ Desogestrel 0.15 มิลลิกรัม ซึ่งจัดได้ว่าเป็นยาคุมที่มีระดับฮอร์โมนต่ำมาก จึงพบผลข้างเคียงจากฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยมาก
- ประเภทของยาคุม : ชนิดฮอร์โมนรวม
- จำนวนเม็ดยา (ต่อแผง) : 21 เม็ด และ 28 เม็ด
- ราคา : 160-180 บาท
10. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อเมโลเดีย (Melodia)
ใน 1 เม็ดของยาคุมยี่ห้อเมโลเดียจะมี Ethinyl estradiol 0.03 มิลลิกรัมและ Desogestrel 0.15 มิลลิกรัม ซึ่งมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดได้ดีโดยไม่ทำให้เกิดอาการบวมน้ำ น้ำหนักขึ้น และในบางครั้งยาคุมกำเนิดเมโลเดียยังถูกนำมาใช้เป็นยารักษาสิวฮอร์โมนอีกด้วย
- ประเภทของยาคุม : ชนิดฮอร์โมนรวม
- จำนวนเม็ดยา (ต่อแผง) : 21 เม็ด
- ราคา : 285-310 บาท
ข้อควรระวังก่อนใช้ยาคุมกำเนิด
ถึงแม้ว่ายาคุมจะมีประโยชน์มากมายสำหรับสาว ๆ แต่การใช้ยาคุมกำเนิดอาจไม่ได้เหมาะสมกับทุกคน เพราะยาคุมเป็นการเพิ่มฮอร์โมนให้กับร่างกาย โดยมีข้อควรระวังดังนี้
- หากเป็นหรือมีประวัติเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและหลอดเลือด เช่น หลอดเลือดอุดตัน ลิ่มเลือด หลอดเลือดสมอง ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ยาคุมกำเนิดควรเลือกยาคุมกำเนิดประเภทฮอร์โมนเดี่ยวที่มีเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสตินเท่านั้น
- หากเป็นโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ห้ามใช้ยาคุมกำเนิดเองโดยเด็ดขาด เนื่องจากฮอร์โมนเพศมีผลทำให้อาการของโรคมะเร็งมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น
- หากอยู่ในช่วงให้นมบุตรและมีความจำเป็นต้องใช้ยาคุม ให้เลือกใช้ยาคุมประเภทฮอร์โมนเดี่ยวเท่านั้น เนื่องจากยาคุมกำเนิดประเภทฮอร์โมนรวมจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้
- หากอายุมากกว่า 35 ปีและสูบบุหรี่ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาคุมรวมที่มีฮอร์ดมนกลุ่มเอสโตรเจนอยู่ เนื่องจากสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นลิ่มเลือดอุดตันได้
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดจากยาคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิดก็มีผลข้างเคียงเช่นเดียวกับยาอื่น ๆ โดยเฉพาะยาคุมกำเนิดประเภทฮอร์โมนรวมที่มีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะยาคุมยี่ห้อไหนดีก็มีอาการข้างเคียงเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แต่จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณตัวยาของยาคุมแต่ละยี่ห้อ
อาการข้างเคียงที่อาจพบระหว่างการใช้ยาคุมกำเนิดมีดังนี้
- บวมน้ำ น้ำหนักขึ้น
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดศีรษะ
- เจ็บคัดตึงเต้านม
- ท้องอืด
- เลือดออกกะปริบกะปรอย
วิธีใช้ยาคุมกำเนิดอย่างถูกต้องและปลอดภัย
การรับประทานยาคุมกำเนิดที่ถูกวิธีจะช่วยลดผลข้างเคียงจากยาคุมกำเนิดและช่วยให้การป้องกันการตั้งครรภ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ยาคุมที่มีวางขายมี 2 ประเภทคือ ยาคุม 21 เม็ดและยาคุม 28 เม็ด มีวิธีใช้ดังนี้
วิธีกินยาคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ด
ยาคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ดจะมีตัวยาฮอร์โมนอยู่ทั้ง 21 เม็ด ให้รับประทานยาวันละ 1 เม็ด ในเวลาเดียวกันของทุกวันจนหมดแผง เมื่อรับประทานยาหมดแผงไปแล้ว 1-3 วันประจำเดือนจะมา แล้วให้เริ่มรับประทานยาคุมกำเนิดแผงใหม่ในวันที่ 5 ของวันที่มีประจำเดือน
วิธีกินยาคุมกำเนิดแบบ 28 เม็ด
ยาคุมกำเนิดแบบ 28 เม็ดจะมีตัวยาฮอร์โมนอยู่ 21 เม็ด ส่วนอีก 7 เม็ดจะเป็นยาหลอกที่ไม่มีตัวยาเป็นส่วนประกอบ โดยสังเกตได้ง่ายเนื่องจากบริษัทยาจะทำสียาหลอกให้แตกต่างจากยาจริงชัดเจน ให้เริ่มรับประทานเม็ดแรกในวันที่มีประจำเดือนวันแรกหรือไม่เกิน 3 วันหลังมีประจำเดือน รับประทานวันละ 1 เม็ดในเวลาเดียวกันของทุกวันจนหมดแผง แล้วขึ้นแผงใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องเว้นระยะ
คำแนะนำหากต้องการเปลี่ยนยี่ห้อยาคุมกำเนิด
การใช้ยาคุมกำเนิดในช่วงแรกอาจพบผลข้างเคียงได้ โดยเฉพาะช่วง 1-2 เดือนแรก แต่โดยส่วนมากผลข้างเคียงนั้นมักจะดีขึ้นเมื่อรับประทานยาไปแล้วช่วง 3 เดือนขึ้นไป แต่หากผลข้างเคียงจากยาคุมกำเนิดไม่หายไป สามารถพิจารณาเปลี่ยนยี่ห้อยาคุมได้ โดยให้พิจารณาจากจุดประสงค์ของการใช้ยาคุมกำเนิด ลักษณะของสภาพร่างกาย และงบประมาณ
หากการรับประทานยาคุมเพื่อรักษาโรค อาการต่าง ๆ แนะนำควรปรึกษาแพทย์สูตินรีเวชก่อนเลือกซื้อยาคุม เนื่องจากแพทย์จะสามารถพิจารณาได้ว่าเราเหมาะสมกับยาคุมประเภทไหน ยาคุมยี่ห้อไหนดี
ข้อสรุป
การใช้ยาคุมกำเนิดให้เหมาะสมกับตนเองนั้นจะทำให้ประสิทธิภาพการป้องกันการตั้งครรภ์และการรักษาโรคอื่น ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสภาพร่างกายของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ก่อนที่จะไปดูว่ากินยาคุมยี่ห้อไหนดี ควรจะสังเกตตนเองว่าสภาพร่างกายเราเป็นอย่างไรและหายาคุมยี่ห้อที่เหมาะสมกับตนเองจะดีกว่า