ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามปรับหน้าเหลี่ยมไม่ต้องพึ่งมีดหมอ ต้องฉีดซ้ำตลอดไหมจะอันตรายรึเปล่า
ใครที่ต้องการปรับสัดส่วนของใบหน้าโดยการฉีดโบลดกรามคืออะไร และจะอันตรายรึเปล่า ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์สามารถทำได้ทุกสัดส่วนบนใบหน้าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่คนส่วนใหญ่นิยมกัน เพราะไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมือนการผ่าตัด เห็นผลจริงและฤทธิ์ยาอยู่ได้นานถึง 6 เดือน – 1 ปี เพียงแต่คุณต้องเลือกแพทย์หรือคลินิกให้ดีที่มีใบรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ซึ่งคุณสามารถขอแพทย์ดูได้ที่ขวดตัวยา เพื่อสามารถมั่นใจตรวจสอบได้จาก QR Code เลขทะเบียนต่าง ๆ
อย่าเห็นแก่ราคาถูกมิฉะนั้น อาจโดนหลอกให้ฉีดกับหมอเถื่อน หมอกระเป๋าได้ อาจจะเกิดผลข้างเคียงตามมาเช่น หน้าตึงเกินไป เนื้อผิวหนังส่วนกรามมีความหย่อนคล้อย หน้าเบี้ยว ยิ้มไม่ได้และเกิดอาการดื้อยา โดยบทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลสำหรับผู้ที่ต้องการจะทำหัตถการโบท็อกซ์ แบบละเอียดได้สาระสำคัญ
ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามคืออะไร ลดได้จริงรึเปล่า
ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม หรือ ฉีดโบลดกรามสามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ คือการใช้พิษจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งมีชื่อว่า Botulinum Toxin มีผลออกฤทธิ์ให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดอ่อนแรงลง ทำให้เมื่อเราลดการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมาก ๆ กล้ามเนื้อจะมีขนาดที่เล็กลง ฉะนั้นจึงสามารถฉีดได้ทุกสัดส่วนขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินปัญหา อีกทีว่าคุณเหมาะที่จะทำส่วนไหนของใบหน้า แต่ที่เห็นชัดมากที่สุดจะเป็นริ้วรอยต่าง ๆ และสันกรามที่คนไทยนิยมทำมากที่สุด
ฉีดโบลดกรามจึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องปรับขนาดกราม ลดขนาดสัดส่วนกราม ช่วยให้หน้าเป๊ะขึ้น เพราะช่วยให้ผิวหนังบริเวณนั้นตึงขึ้น และเห็นผลได้ชัดเจนโดยที่ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายจากการผ่าตัด ซึ่งต้องพักฟื้นนานถึง 1 ปีและอาจเกิดผลเสียได้ในอนาคต
ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามช่วยอะไร ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง
ฉีดโบลดกรามช่วยอะไรและสามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง สำหรับข้อสงสัยนี้ต้องขอบอกก่อนเลยว่า โบท็อกซ์นั้นสามารถฉีดได้ทุกบริเวณที่มีกล้ามเนื้อและริ้วรอยต่าง ๆ โดยจะนิยมอย่างมากบริเวณใบหน้า เช่น กราม คาง คอ ขมวดคิ้ว ยกคิ้ว ร่องแก้ม ร่องปาก หน้าผาก ตีนกาหางตาที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ และโบท็อกลดริ้วรอยใต้ตา อีกทั้งยังสามารถฉีดบริเวณรักแร้เพื่อลดริ้วรอยและเหงื่อได้ด้วย
ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ซึ่งบางท่านอาจจะเก่งเฉพาะฉีดบริเวณใบหน้า จึงต้องศึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ดีก่อนตัดสินใจในส่วนของข้อดีของการฉีดโบลดกราม มีดังนี้
- เกิดผลค้างเคียงน้อยด้วยโบท็อกซ์แท้ ไม่มีสารตกค้างต่าง ๆ
- ช่วยลดขนาดกราม กล้ามเนื้อกราม เนื้อหนังส่วนเกินให้กระชับ
- เห็นผลเร็ว ภายใน 1-2 สัปดาห์ และอยู่ได้นานถึง 6 เดือน – 1 ปี
- ไม่เจ็บ ไม่มีรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นสามารถกลับบ้านทำงานได้เลย
โบท็อกซ์ลดกรามอันตรายไหม วิธีดูโบท็อกซ์แท้อย่างไร และห้ามกินอะไรก่อนฉีด ?
สำหรับการฉีดโบลดกรามจะเกิดอันตรายไหม เราต้องดูด้วยว่าโบท็อกซ์จากคลินิกต่าง ๆ เป็นของแท้รึไม่ ไม่งั้นอาจเกิดอันตรายแก่ผู้เข้ารับการรักษาได้ โดยจะมีวิธีดูของแท้อย่างไร และห้ามกินอะไรก่อนฉีดโบท็อกซ์ แบ่งเป็น 3 หัวข้อสำคัญดังนี้
โบท็อกกรามอันตรายไหม
ในส่วนนี้การฉีดโบท็อกซ์นั้น ใช้เวลาเพียงแค่ 5-10 นาทีต่อจุด ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น ผลข้างเคียงอาจเกิดขึ้นได้ ส่วนมากจะเป็นอาการบวมในบริเวณที่ฉีด หน้าตึงจนยิ้มไม่ได้ เคี้ยวอาหารได้ยาก ซึ่งอาจการข้างต้นนี้จะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ในแต่ละบุคคล โดยคุณต้องใจเย็น ๆ และรอให้หน้าเข้าที่ซะก่อน
ซึ่งใครที่คิดจะสวย หน้าเป๊ะ ก่อนงานสำคัญต่าง ๆ เช่น รับปริญญา งานแต่ง คุณอาจจะต้องเตรียมตัวรับการรักษาก่อน 1 เดือน เพื่อที่จะให้อาการบวมช้ำ หน้าตึงจากการฉีดโบท็อกซ์ เข้าที่และหายอย่างสมบูรณ์ทันวันงานสำคัญ
วิธีดูโบท็อกซ์แท้ดูได้อย่างไร
วิธีดูโบท็อกซ์แท้ คุณสามารถสอบถามกับทางคลินิกได้เลย ขอดูเอกสารกำกับยา และขวดเพื่อความมั่นใจ โดยสามารถดูได้หลายวิธีดังนี้
- มีพลาสติกใส ป้องกันการเปิดที่กล่อง มั่นใจได้ว่าไม่ผ่านการใช้งานมาก่อนแล้ว
- มีเลขทะเบียนจาก องค์การอาหารและยา (อย.) และมีฉลากภาษาไทย ไม่ใช่ของลักลอบนำเข้าจากการแอบหิ้วมาขาย
- มีข้อมูลการนำเข้าจากบริษัทยา และสามารถโทรเช็กได้
- มีวันที่ผลิตและวันหมดอายุโดยที่กล่องกับขวดต้องตรงกัน
ห้ามกินอะไรบ้างก่อนฉีดโบท็อกซ์
ห้ามกินอะไรบ้างก่อนฉีดโบท็อกซ์ ไม่ว่าฉีดโบลดกราม ฉีดโบท็อกซ์ส่วนใด ๆ ก็ตาม คุณจะต้องงดอาหารชนิดต่าง ๆ มีอะไรบ้างเพื่อเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาดังนี้
- วิตามินอี น้ำมันตับปลา อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะเลือดไหลมาก
- งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้ารับการรักษา 1 วัน เพื่อป้องกันโบท็อกซ์เสื่อมสภาพไว ฉีดแล้วไม่เห็นผล
- ยาจำพวกแอสไพริน แก้ปวดชนิดรุนแรง Ibruprofen, Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันโบท็อกซ์สลายและบวมช้ำมาก
ฉีดโบท็อกลดกรามจะเจ็บไหม ใช้ยาชาได้รึเปล่า
สำหรับการฉีดโบลดกรามจะเจ็บไหม ต้องใช้ยาชารึเปล่า ขอตอบได้เลยว่า ไม่เจ็บอย่างที่คุณคิดโดยคุณจะรู้สึกเฉพาะเวลาเดินยาจากเข็มฉีดยาเท่านั้น ซึ่งอาจรู้สึกเหมือนมดกัด หรือ รู้สึกเหมือนมีอะไรถูกดันเข้ามาเฉพาะจุดที่ฉีด การใช้ยาชาอาจจะเจ็บกว่าด้วยซ้ำ เพราะยาชาทำให้เกิดอาการบวมขึ้นได้ และมีข้ออันตรายอย่างมาก ถ้าใช้ในปริมาณที่เยอะเกินไป จึงต้องระวังและพิจารณาข้อควรใช้ยาชามากกว่า โบท็อกซ์ซะอีก
ทั้งนี้ทั้งนั้นสำหรับใครที่กลัวเจ็บมาก มีวิธีง่าย ๆ โดยการใช้น้ำแข็งมาประคบบริเวณนั้นก่อนทำการฉีดเพื่อให้รู้สึกเย็น และชานิด ๆ บริเวณจุดที่จะฉีด สำหรับใครที่กลัวเข็มมาก ๆ อาจแปะยาชาก่อนได้ 20-30 นาที แต่คุณต้องแลกมากับการเสียเวลาอย่างมาก ซึ่งการฉีดโบลดกรามนั้นใช้เวลาเพียง 5-10 นาทีต่อจุดเท่านั้นเอง
หลังฉีดโบท็อกซ์ลดกรามกี่วันเห็นผลและควรดูแลอย่างไร
หลังฉีดโบลดกรามกี่วันถึงเห็นผลและควรดูแลอย่างไร สำหรับการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อกราม จะเห็นผลประมาณ 2-3 วันแรกหลังฉีดและเห็นผลเต็มที่ใน 1-2 สัปดาห์ โดยหลังจากฉีดไปแล้วคุณต้องมีวิธีดูแลตัวเองให้ดีเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน ดังนี้
- ห้ามนวดบริเวณที่ฉีด การนวดอาจทำให้โบท็อกซ์ไหลได้ ควรรออย่างน้อย 1 วัน
- งดแอลกอฮอล์ บุหรี่ ประมาณ 2 สัปดาห์แรก เพื่อป้องกันการเสื่อมของตัวยา
- หลีกเลี่ยงการโดนความร้อน ประมาณ 2 สัปดาห์แรก เพราะยาอาจสลายได้
- หมั่นประคบเย็น ดูแลบริเวณที่ฉีดโบลดกราม ให้ดี หน้าจะได้เข้าที่ ยุบบวมเร็ว ๆ
- อย่าเพิ่งนอนราบใน 3-4 ชั่วโมงแรกหลังฉีดเพราะโบท็อกซ์อาจไหลไปส่วนอื่นได้ควรนอนหมอนสูง
สรุป
ฉีดโบลดกราม สามารถทำให้หน้าของคุณเรียวเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด สวยเข้ารูปก่อนงานสำคัญต่าง ๆ ขึ้นได้จริง ซึ่งผลลัพธ์จะเกิดขึ้นได้ 6 เดือน – 1 ปี โดยที่คุณจะต้องมีข้อระมัดระวังตัวเองจากการนอนในท่าที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้โบท็อกซ์ไหล การนวดหน้าด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ หลังล้างหน้า การทานแอลกอฮอล์ การโดนความร้อนต่าง ๆ เช่น การประกอบอาหาร การทำเลเซอร์ เป็นต้น
และคุณต้องรู้วิธีดูโบท็อกซ์ของแท้เบื้องต้นว่าของแท้รึไม่ แบบไหนด้วย เพื่อป้องกันจากการโดนหลอกของปลอมระบาดหนัก ๆ ในช่วงนี้เพราะคนนิยมฉีดโบท็อกซ์กันมากขึ้น การเลือกคลินิกเองก็สำคัญควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านการฉีดโบท็อกซ์ ในส่วนที่คุณต้องการ เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ไม่เกิดการใช้เงินไปอย่างเปล่าประโยชน์