โบท็อกฟื้นฟูรอยย่นบนใบหน้า ฉีดบริเวณไหนช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
โบท็อก (Botox) เป็นหนึ่งในหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก ซึ่งการฉีดโบท็อกมีจุดเด่นอยู่ที่ความสามารถในการช่วยลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด จึงไม่แปลกใจที่โบท็อกกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
สารบัญบทความ
- โบท็อกคืออะไร? ช่วยลดริ้วรอยยังไง
- ใครบ้างที่ควรฉีดโบท็อก?
- โบท็อกสามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?
- รวมข้อห้ามและการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก
- สรุป ฉีดโบท็อกช่วยอะไรบ้าง?
โบท็อกคืออะไร? ช่วยลดริ้วรอยยังไง
โบท็อก (Botox) คือสาร Botulinum Toxin ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อโดยการยับยั้งสารสื่อประสาท เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนัง จะช่วยลดริ้วรอย เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยตีนกา และปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
โบท็อกจะทำงานโดยการยับยั้งสารสื่อประสาท ซึ่งเป็นตัวส่งสัญญาณระหว่างเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ เมื่อโบท็อกถูกฉีดเข้าไปในบริเวณที่กำหนด สารนี้จะทำให้กล้ามเนื้อในจุดนั้นไม่หดตัวหรือเคลื่อนไหวมากเกินไป ส่งผลให้ริ้วรอยต่าง ๆ บนผิวลดลง ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนขึ้น และเริ่มเห็นผลภายใน 3-7 วัน
ทั้งนี้ ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลและบริเวณที่ฉีดโบท็อก
ใครบ้างที่ควรฉีดโบท็อก?
แม้โบท็อกจะเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมและให้ผลลัพธ์ที่ดีในการลดริ้วรอยและปรับรูปหน้า แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน การฉีดโบท็อกต้องคำนึงถึงสภาพร่างกาย สุขภาพ และปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งผู้ที่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์มีดังนี้
- ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยบนใบหน้า เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยตีนกา และรอยขมวดคิ้ว
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น เช่น ลดกล้ามเนื้อกราม
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย และต้องการฟื้นฟูความเรียบเนียน
- ผู้ที่มีปัญหาภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis) เช่น บริเวณรักแร้ ฝ่ามือ
- ผู้ที่ต้องการรักษาอาการไมเกรนเรื้อรัง
โบท็อกสามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?
สำหรับใครที่สนใจโปรแกรมฉีดโบท็อก แต่ไม่รู้ว่าจะฉีดบริเวณไหนดี เราได้รวบรวมข้อดีของการฉีดโบท็อกบริเวณต่าง ๆ มาแล้วดังนี้
- โบท็อกหน้าผาก ช่วยลดรอยย่นแนวนอน ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์
- โบท็อกระหว่างคิ้ว ลดรอยขมวดคิ้วหรือร่องลึกบริเวณหัวคิ้ว ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น
- โบท็อกหางตา ลดรอยตีนกา ช่วยให้ดวงตาดูสดใสและอ่อนวัย
- โบท็อกกราม ลดขนาดกล้ามเนื้อกราม ทำให้ใบหน้าเรียวและสมส่วนมากขึ้น
- โบท็อกคาง ลดรอยบุ๋มบนคางและช่วยปรับคางให้ดูเรียบเนียนขึ้น
- โบท็อกลำคอ ลดเส้นริ้วบริเวณลำคอ ทำให้คอดูเรียบเนียนและกระชับ
- โบท็อกน่อง ลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง ทำให้ขาดูเรียวและสมส่วน
- โบท็อกปีกจมูก ลดการขยับกล้ามเนื้อจมูกที่ทำให้เกิดรอยย่นเวลาแสดงสีหน้า
- โบท็อกรักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ลดเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis) เพิ่มความมั่นใจในชีวิตประจำวัน
รวมข้อห้ามและการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก
การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกจะช่วยให้ผลลัพธ์หลังทำหัตถการเห็นผลไวขึ้น ดังนั้น ผู้เข้ารับบริการจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ โดยสิ่งที่ควรทำหลังฉีดโบท็อกมีดังนี้
- งดการนวด กด หรือสัมผัสแรง ๆ บริเวณที่ฉีดในช่วง 4-6 ชั่วโมงแรก
- ไม่ควรนอนราบหรือนอนตะแคงภายใน 4 ชั่วโมงแรก เพื่อลดความเสี่ยงที่โบท็อกจะกระจายตัวไปยังบริเวณอื่น
- งดการออกกำลังกายหนักหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกใน 24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนสูง เช่น อบซาวน่า หรืออาบน้ำร้อน ในช่วง 1-2 วันแรก
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้โบท็อกทำงานได้ดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือการแต่งหน้าในบริเวณที่ฉีดโบท็อกในวันแรก
- หากมีอาการบวมแดงเล็กน้อย สามารถประคบเย็นได้ แต่ต้องทำอย่างเบามือ
- ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่น ๆ บนใบหน้า เช่น เลเซอร์ หรือทรีตเมนต์ ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
สรุป ฉีดโบท็อกช่วยอะไรบ้าง?
โบท็อกเป็นหัตถการยอดนิยมที่ช่วยลดริ้วรอยและปรับรูปหน้า โดยบริเวณที่นิยมฉีด ได้แก่ หน้าผาก เพื่อลดรอยย่น ระหว่างคิ้วและหางตา เพื่อลดรอยขมวดคิ้วและตีนกา รวมถึงกรามเพื่อปรับหน้าเรียว นอกจากนี้ ยังฉีดบริเวณรักแร้เพื่อแก้ปัญหาเหงื่อออกมากผิดปกติ ทั้งนี้ หลังฉีดโบท็อกควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด
สำหรับใครที่ไม่รู้จะฉีดโบท๊อกที่ไหนดี ควรพิจารณาคลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้อง และดำเนินการโดยแพทย์ที่มีความรู้เกี่ยวกับการทำหัตถการ รวมถึงตรวจสอบรีวิวและผลงานที่ผ่านมาเพื่อประเมินความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ผู้ที่สนใจยังควรสอบถามเกี่ยวกับปริมาณโบท็อกที่ใช้ ความเหมาะสมของบริเวณที่จะฉีด และสำคัญที่สุดคือความปลอดภัย โดยควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว และความต้องการอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ