ฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตา เคล็ดลับฟื้นฟูใต้ตาหมองคล้ำให้ดูสดชื่นในพริบตา! 

ฟิลเลอร์ใต้ตา

อยากตื่นมาแล้วเจอตัวเองในกระจกที่มีใบหน้าสดใส อ่อนเยาว์ ใต้ตาไม่คล้ำอีกต่อไป? ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูอิ่มฟู เปล่งปลั่งได้อย่างน่าอัศจรรย์ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นวิธีปลอดภัย รวดเร็ว และเห็นผลลัพธ์ทันที 

บทความนี้จะนำเสนอเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา การแก้ปัญญาใต้ตา หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ห้ามอะไรบ้าง

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม อยู่ได้นานแค่ไหน รวมถึงราคาในการฉีดใต้ตา บทความนี้มีคำตอบ!


สารบัญบทความ


ปัญหาใต้ตา ส่งผลกระทบต่ออะไรบ้าง?

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ปัญหาใต้ตา ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่ยังส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและภาพลักษณ์โดยรวมของแต่ละคนอีกด้วย ซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบดังนี้

  • ผิวใต้ตาคล้ำ ดูโทรม: ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า อ่อนล้า ขาดความสดใส และดูแก่กว่าวัย
  • ถุงใต้ตา บวม: ทำให้ใบหน้าดูบวม ช้ำ ดูอ้วนขึ้น หรือขาดความกระชับ
  • ริ้วรอยใต้ตา: ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ขาดความเรียบเนียน ดูเหนื่อยล้า
  • ผิวใต้ตาหย่อนคล้อย: ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย ขาดความกระชับ ดูไม่สดใส

ปัญหาใต้ตาเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อจิตใจและความมั่นใจด้วย เช่น

  • ขาดความมั่นใจ: รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง กลัวคนอื่นจะมอง
  • ดูอ่อนล้า: ทำให้คนรอบข้างมองว่าเป็นคนที่เหนื่อยล้า ไม่สดใส
  • ส่งผลต่อการทำงาน: อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะขาดสมาธิ
  • ส่งผลต่อความสัมพันธ์: อาจทำให้ขาดความมั่นใจในการเข้าสังคม หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

การแก้ไขปัญหาใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหนึ่งวิธีแก้ไขปัญหายอดนิยมสำหรับผู้ต้องการปรับสภาพใต้ตาให้ดูสดใส อ่อนวัยขึ้น สามารถจัดการได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีจุดเด่นในเรื่องของความรวดเร็วและผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ


การแก้ปัญหาใต้ตาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สู่ใต้ตาสดใส อ่อนเยาว์ 

ปัญหาใต้ตาเป็นเรื่องที่กวนใจใครหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นร่องลึกใต้ตา ถุงใต้ตา หรือใต้ตาคล้ำ ซึ่งล้วนแต่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าและอายุที่มากขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการแก้ไขปัญหานี้

ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารเติมเต็มชนิดไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) เข้าไปในบริเวณใต้ตา เพื่อเติมเต็มร่องลึก ทำให้ผิวใต้ตาดูเรียบเนียน อิ่มฟูมากขึ้น ช่วยลดเลือนรอยคล้ำใต้ตา และทำให้ใบหน้าดูสดใสอ่อนเยาว์

เหตุผลควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • แก้ปัญหาใต้ตาได้ตรงจุด: ไม่ว่าจะเป็นร่องลึกใต้ตา ถุงใต้ตา หรือใต้ตาคล้ำ ฟิลเลอร์สามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุด
  • เห็นผลทันที: หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันที
  • ไม่ต้องผ่าตัด: เป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน
  • ปลอดภัย: เมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรอง
  • เป็นธรรมชาติ: ผลลัพธ์ที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อ

ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใครบ้าง ?

ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นหนึ่งในเทคนิคความงามได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาที่ทำให้ดูแก่กว่าวัย ทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น filler ใต้ตา เหมาะกับใคร?  ผู้ที่เหมาะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีดังต่อไปนี้

  • ร่องใต้ตา: ร่องลึกใต้ตาที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน
  • ริ้วรอยใต้ตา: เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น หรือการแสดงสีหน้าบ่อย ๆ
  • ถุงใต้ตา: ถุงใต้ตาที่เกิดจากไขมันสะสมใต้ตา
  • ใต้ตาคล้ำ: ใต้ตาคล้ำที่เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น พักผ่อนน้อย ภูมิแพ้ หรือพันธุกรรม
  • เบ้าตาลึก: ทำให้ใบหน้าดูโทรม เหนื่อยล้า
  • ต้องการใบหน้าที่อ่อนเยาว์: สำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มริ้วรอยและให้ผิวใต้ตาเรียบเนียน
  • ต้องการแก้ไขปัญหาใต้ตาโดยไม่ต้องผ่าตัด: ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดและฉีดใต้ตาเห็นผลรวดเร็ว

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อผลลัพธ์ดีที่สุด

หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นขั้นตอนที่รวดเร็วและเห็นผลได้ทันที แต่เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและเป็นธรรมชาติที่สุด การดูแลตัวเองหลังการฉีดก็เป็นสิ่งสำคัญมาก

สิ่งที่ควรทำหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ประคบเย็น: ช่วยลดอาการบวมและรอยช้ำ หลังฉีด filler ใต้ตาประมาณ 24-48 ชั่วโมง ควรประคบเย็นด้วยผ้าสะอาดที่ห่อหุ้มด้วยถุงน้ำแข็ง หรือเจลแพ็คเย็น
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส: ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ควรขยี้ตา เกา หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
  • งดออกกำลังกายหนัก: ควรงดการออกกำลังกายหนัก ๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง เพื่อลดอุณหภูมิร่างกายและป้องกันการบวม
  • หลีกเลี่ยงความร้อน: ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ควรอยู่ในที่ร้อน เช่น ซาวน่า ห้องอบไอน้ำ หรือตากแดดจัด เพราะความร้อนจะทำให้เกิดการอักเสบและทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ: การนอนคว่ำจะทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวได้ หรือนอนหัวสูงเพื่อลดอาการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาบวม
  • รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง: หากแพทย์สั่งยาแก้ปวดหรือยาแก้อักเสบ ควรรับประทานตามที่แพทย์แนะนำ
  • ดื่มน้ำมาก ๆ: น้ำจะช่วยให้ฟิลเลอร์ทำงานได้ดีขึ้น 

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ได้รับผลลัพธ์น่าพอใจและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น มีบางคนสงสัย ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานไหม? ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และการดูแลของแต่ละบุคคล


ราคาฟิลเลอร์ใต้ตา ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

ราคาฟิลเลอร์ใต้ตา จะแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย ดังนี้

  • ยี่ห้อและชนิดของฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อและชนิดจะมีราคาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความคงทนหรือคุณสมบัติของฟิลเลอร์ใต้ตา
  • ปริมาณที่ใช้: ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดแต่ละครั้งจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาหรือขนาดของบริเวณต้องการแก้ไข
  • คลินิกและแพทย์: แต่ละคลินิกจะมีราคาบริการแตกต่างกัน รวมถึงประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำการรักษา
  • โปรโมชั่น: บางคลินิกอาจมีโปรโมชั่นหรือแพ็กเกจ ทำให้ราคาถูกลง

โดยทั่วไป ราคา filler ใต้ตาต่อ 1 ซีซี จะเริ่มต้นที่ประมาณ 9,900 บาทขึ้นไป และอาจสูงถึง 18,000 บาท ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น

ฟิลเลอร์ใต้ตา ยี่ห้อไหนดี? ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมสำหรับฉีดใต้ตา มีดังนี้

  • Restylane: ราคาประมาณ 10,000–15,000 บาทต่อซีซี
  • Juvederm: ราคาประมาณ 12,000–18,000 บาทต่อซีซี
  • Belotero: ราคาประมาณ 10,000–15,000 บาทต่อซีซี
  • Revanesse: ราคาประมาณ 8,000–12,000 บาทต่อซีซี

ฟิลเลอร์ใต้ตา หนทางสู่ใต้ตาอ่อนเยาว์

ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นเทคนิคความงามได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยเติมเต็มใต้ตาที่ยุบตัว ทำให้ร่องลึกตื้นขึ้น ใต้ตาคล้ำลดลง ใบหน้าดูสดใสขึ้น เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาใต้ตาหรือไม่อยากผ่าตัด ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ควรปรึกษาแพทย์และเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ

Similar Posts