Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น
|

ทำความรู้จัก Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น คืออะไร

สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาไขมันส่วนเกินตามบริเวณต่างๆ ไม่ว่าจะหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา สะโพก แต่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย หรือต่อให้พยายามออกกำลังกายก็แล้ว ควบคุมอาหารก็แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถลดสัดส่วนได้ตามต้องการ ลองมาทำความรู้จักกับ Coolsculpting ทางเลือกใหม่สำหรับการสลายไขมันด้วยความเย็นแบบไม่ต้องผ่าตัด มาดูกันว่า coolsculpting เห็น ผลจริงมั้ย มีหลักการทำงานยังไง ปลอดภัยแค่ไหน รวมถึงมีข้อดีและข้อจำกัดในการทำอย่างไรบ้าง

ทำความรู้จักกับ Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น

Coolsculpting คือเทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็น ด้วยกระบวนการไครโอไลโปไลซิส (Cryolipolysis) โดยใช้หลักการทำงานคือส่งคลื่นความเย็นระดับต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง -10 ถึง -11°C ส่งผ่านไปยังเซลล์ เพื่อทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัวและทำลายตัวเองตามธรรมชาติ หลังจากนั้นร่างกายจะขับเอาเซลล์ไขมันที่ตายแล้ว กำจัดออกทางระบบน้ำเหลือง โดย coolsculpting เห็น ผลจริง เป็นวิธีการกำจัดเซลล์ไขมันให้ตายอย่างถาวร ซึ่งมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง โดยไม่ต้องใช้ยาชา ไม่ต้องพักฟื้น และไม่ต้องผ่าตัด

การสลายไขมันด้วยความเย็นจะช่วยแก้ปัญหาไขมันส่วนเกินที่กำจัดได้ยาก ต่อให้คุมอาหารหรือออกกำลังกายอย่างไรก็กำจัดไม่หมด โดยบริเวณที่นิยมทำการรักษา ได้แก่ บริเวณหน้าท้อง ปีกหลัง ต้นแขน ต้นขา สะโพก ฯลฯ โดย Coolsculpting ใช้เวลาในการทำประมาณ 35 นาที สามารถช่วยกำจัดไขมันได้ถึง 20-25% ในการทำเพียง 1 ครั้ง ปรากฏผลใน 3 สัปดาห์ โดยจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นในเดือนที่สาม

หลังจากเซลล์ไขมันถูกกำจัดออกไป ชั้นไขมันใต้ผิวหนังจะเกิดการจัดเรียงตัวใหม่และบางลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผิวหนังเรียบเนียน สัดส่วนกระชับขึ้น โดยการทำการรักษาแต่ละครั้ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะวิเคราะห์และประเมินรูปแบบการสลายไขมันด้วยความเย็น เพื่อเลือกหัวเครื่องสลายไขมันที่มีอยู่หลากหลายแบบตามความหนาและรูปร่างชั้นไขมันของแต่ละคน ให้เหมาะสมกับการกำจัดไขมันส่วนเกินในแต่ละตำแหน่ง

Coolsculpting เหมาะกับใคร และไม่เหมาะกับใคร

coolsculpting ได้ ผล ไหม

คนที่เหมาะสำหรับการทำ Coolsculpting สลายไขมันด้วยความเย็น มีดังนี้

  • คนที่มีเหนียงใต้คาง
  • คนเอวหนา หรือมีไขมันบริเวณหน้าท้องหนา
  • คนที่มีต้นแขน-ต้นขาใหญ่
  • คนที่ปีกสะโพกบาน มีก้อนเนื้อเหนือสะโพกใหญ่
  • คนที่อยากลดไขมันเฉพาะส่วน เช่น หน้าท้อง เอว สะโพก ต้นแขน ต้นขา
  • คนที่อยากสลายไขมันแบบถาวร แต่ไม่ต้องการใช้วิธีผ่าตัด
  • คนที่อยากหุ่นดี หน้าท้องแบนราบในเวลาไม่นาน
  • คนที่อยากลดสัดส่วน เพื่อรูปร่างที่ดี แต่ขี้เกียจออกกำลังกาย
  • คนที่อยากมีรูปร่างดี พยายามออกกำลังกายหรือคุมอาหารแล้ว แต่ยังไม่สามารถลดได้ตามเป้าหมาย

คนที่ไม่เหมาะสำหรับการทำ Coolsculpting ได้แก่

  • หญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงให้นมบุตร
  • หญิงที่กำลังมีประจำเดือน (เพราะอาจทำให้อาการปวดประจำเดือนหนักขึ้น)
  • คนที่เป็นโรคแพ้ความเย็น เช่น ลมพิษจากความเย็น
  • คนที่เป็นโรคเลือด ซึ่งมีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
  • คนที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด หรือยาที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้ากว่าปกติ
  • คนที่เพิ่งผ่าตัด และมีแผลผ่าตัดในบริเวณที่จะทำ Coolsculpting ต่ำกว่า 6 เดือน

Coolsculpting กำจัดไขมันบริเวณใดได้บ้าง?

coolsculpting รีวิว ดูด ไขมัน ด้วย ความ เย็น

ส่วนใหญ่ บริเวณที่นิยมใช้ Coolsculpting ช่วยในการกำจัดไขมันส่วนเกิน ได้แก่

  • Coolsculpting บริเวณใต้คาง
  • ต้นแขน
  • ข้างรักแร้
  • ใต้บรา บริเวณขอบชุดชั้นใน
  • Coolsculpting บริเวณหน้าท้อง
  • บริเวณเอว
  • บริเวณปีกหลัง
  • บริเวณสะโพก
  • coolsculpting ต้น ขาด้านนอก-ด้านใน
  • ไขมันเหนือหัวเข่า

ผลลัพธ์ของการทำ Coolsculpting

coolsculpting ที่ไหน ดี

ผู้ใช้บริการ Coolsculpting จะสามารถสลายไขมันได้ถึง 25% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้บริการ โดยจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างเต็มที่ เห็นผลลัพธ์ของการรักษาที่ชัดเจนมากขึ้นในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน โดยหลังจากเซลล์ไขมันถูกกำจัดออกไปแล้ว ชั้นไขมันใต้ผิวหนังจะเกิดการจัดเรียงตัวใหม่และบางลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผิวของคุณเรียบเนียน สัดส่วนกระชับขึ้น ทั้งนี้ จำนวนครั้งในการทำ Coolsculpting จะขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะทำการวิเคราะห์และประเมินจำนวนครั้งเทียบกับขนาดของร่างกายที่ต้องการลดสัดส่วน

การทำ Coolsculpting มีข้อดี ข้อจำกัดอะไรบ้าง

ก่อนการทำ Coolsculpting แต่ละครั้ง ควรพิจารณาถึงข้อดีและข้อจำกัดต่างๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ข้อดีของการทำ Coolsculpting

  • หลักการทำงานของ Coolsculpting คือใช้คลื่นความเย็นระดับต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง – 11°C ส่งตรงไปยังชั้นเซลล์ไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันแข็งตัว และทำลายตัวเองตามธรรมชาติ หลังจากนั้นจะถูกกำจัดออกทางระบบน้ำเหลือง โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียง
  • ปัจจุบัน เทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็นรุ่นใหม่ สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันได้ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ในการทำเพียง 1 ครั้ง โดยใช้ระยะเวลาในการทำเพียงแค่ 35 นาทีเท่านั้น
  • การดูด ไขมัน ด้วย ความ เย็นไม่ต้องใช้ยาชาหรือยาสลบ มีความปลอดภัยสูง ไม่รู้สึกเจ็บ หรืออาจรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งในระหว่างการทำสามารถทำกิจกรรมอื่นได้ เช่น อ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์ รวมถึงหลังจากทำเสร็จก็สามารถกลับไปทำงาน หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ตามปกติ
  • หลังทำผิวไม่เป็นคลื่น ไม่เกิดแผลเป็น เนื่องจากไม่ใช่การผ่าตัด อีกทั้ง coolsculpting ผล ข้าง เคียงน้อยเมื่อเทียบกับการดูดไขมัน

ข้อจำกัดของการทำ Coolsculpting

  • คนที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน หรือมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 30 เมื่อทำ Coolsculpting อาจเห็นผลลัพธ์ได้น้อย และอาจต้องทำหลายครั้ง
  • คนที่แพ้ความเย็น คนที่เป็นโรคเลือด ซึ่งมีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หรือคนที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด หรือยาที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้ากว่าปกติ รวมถึงผู้ป่วยที่เพิ่งรับการผ่าตัดในบริเวณที่จะทำการสลายไขมันด้วยความเย็น ควรหลีกเลี่ยงจากการทำ Coolsculpting ในช่วง 6-8 เดือนแรก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบและผลข้างเคียงอื่นๆ ตามมา
  • ผิวหนังบริเวณที่ทำ Coolsculpting อาจรู้สึกชา เกิดรอยแดงหรือมีรอยช้ำร่วมด้วยเล็กน้อย แต่อาการข้างเคียงเหล่านี้ จะหายได้เองภายใน 2 สัปดาห์

เตรียมตัวก่อนทำ Coolsculpting อย่างไร?

ก่อนการทำ coolsculpting เจ็บ ไหม

สิ่งที่สำคัญเลยก็คือ ขณะเข้ารับคำปรึกษาก่อนการทำ Coolsculpting ควรแจ้งโรคประจำตัว อาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ หรือยารักษาที่ใช้ให้แพทย์ทราบเสียก่อน ส่วนการเตรียมตัวก่อนทำ Coolsculpting นั้น เนื่องจากเป็นการใช้เทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็นแบบไม่ต้องผ่าตัด ผู้ใช้บริการจึงยังคงสามารถรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ ออกกำลังกาย รวมถึงใช้ชีวิตประจำต่างๆ ได้ตามปกติ ก่อนเดินทางมาทำ Coolsculpting

ดูแลตัวเองหลังทำ Coolsculpting อย่างไร?

เนื่องจากการทำ Coolsculpting เป็นการสลายไขมันด้วยความเย็นที่ไม่เกิดบาดแผลใดๆ เหมือนการผ่าตัดไขมัน จึงไม่มีความเสี่ยงจากการดมยา และไม่ต้องมีการพักฟื้น เพราะฉะนั้น หลังทำ Coolsculpting เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันที

ทั้งนี้ คุณสามารถดูแลตัวเองหลังทำ Coolsculpting ได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อผลลัพธ์ในการลดสัดส่วนที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงควรเลือกรับประทานอาหารในแคลอรี่ที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันหรือน้ำตาลสูง เพราะอาจทำให้ไขมันส่วนเกินกลับมาสะสมอยู่ในร่างกายอีกครั้ง

ทำ Coolsculpting ที่ไหน ดี?

หากคุณสนใจอยากทำ Coolsculpting แต่ไม่รู้ว่าควรเลือกทำ coolsculpting ที่ไหน ดี? สิ่งแรกที่คุณควรพิจารณาเลยก็คือความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของคลินิก ซึ่งควรเลือกคลินิกที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน เปิดให้บริการอย่างถูกต้อง มีเลขที่ใบอนุญาตชัดเจน พร้อมเครื่องสลายไขมัน Coolsculpting ของแท้ มีมาตรฐานผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งไทยและต่างประเทศ ดูแลคุณโดยทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ รวมถึงอาจดู coolsculpting รีวิวที่น่าเชื่อถือจากผู้เข้ารับบริการจริงร่วมด้วยก็ได้

คำถามที่พบบ่อย

coolsculpting ต้น ขา

1. CoolSculpting ราคาเท่าไหร่?

ราคาของการทำ Coolsculpting จะอยู่ที่หลักพันปลายๆ ถึงหลักหมื่น ตัวอย่างเช่น การทำ Coolsculpting 1 หนีบ หรือ 1 ไซเคิล จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 8,500- 20,000 บาท ทั้งนี้ Coolsculpting ราคาอาจแตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ประสบการณ์ของแพทย์ เทคนิคที่ใช้ หรือ coolsculpting โปร โม ชั่ นของแต่ละคลินิก ฯลฯ

โดยขอแนะนำว่า ถ้าหากคลินิกที่คุณจะทำ Coolsculpting มีราคาต่ำกว่ามาตรฐานจนเกินไป ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจว่าจะทำ Coolsculpting กับที่นั่นหรือไม่ เนื่องจากอาจใช้เครื่องมือสลายไขมันที่ไม่ใช่ของแท้ ทำให้การทำ coolsculpting ไม่ ได้ ผล

2. CoolSculpting เจ็บไหม?

coolsculpting เจ็บ ไหม? ระหว่างการทำ Coolsculpting คุณอาจรู้สึกตึงคล้ายผิวหนังถูกดูดจากระบบสุญญากาศ หรืออาจรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยในช่วงแรกเท่านั้น แต่อาการเหล่านี้มักจะหายไป เมื่อผิวเริ่มชาจากความเย็น  ซึ่งในระหว่างการทำ Coolsculpting คุณสามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ไปด้วยได้ เช่น อ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์ 

3. Coolsculpting มีผลข้างเคียงไหมอะไรบ้าง?

เนื่องจาก Coolsculpting เป็นการสลายไขมันด้วยความเย็นที่ตรงเข้าทำลายเฉพาะเซลล์ไขมัน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อและเซลล์อื่นๆ ในร่างกาย จึงไม่เกิด coolsculpting ผล ข้าง เคียงใดๆ แต่ทว่าผิวหนังบริเวณที่ทำ Coolsculpting อาจรู้สึกชา เกิดรอยแดงหรือมีรอยช้ำร่วมด้วยเล็กน้อยหลังเสร็จสิ้นการรักษา ซึ่งอาการข้างเคียงเหล่านี้ จะหายได้เองภายใน 2 สัปดาห์

สรุป

จะเห็นได้ว่าการทำ Coolsculpting นั้น เป็นวิธีกำจัดเซลล์ไขมันแบบถาวรได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ สามารถเห็นผลลัพธ์จริงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ สำหรับใครที่สนใจอยากใช้บริการสลายไขมันด้วยความเย็นบ้าง ควรศึกษาข้อมูลให้ดี เลือกคลินิกที่มีความปลอดภัย มีคุณภาพน่าเชื่อถือ ดูแลโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เพื่อให้การทำ Coolsculpting ของคุณคุ้มค่าได้ผลลัพธ์อย่างน่าพึงพอใจ

Similar Posts