อยากมีลูก ก็มีได้ ด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว
อาจไม่ใช่ทุกครอบครัวที่ต้องการมีลูก ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างในยุคนี้ แต่ก็มีอีกหลายครอบครัวที่การมีลูกจะช่วยเติมเต็มครอบครัวให้สมบูรณ์ ซึ่งหลายครอบครัวก็ไม่อาจบรรลุสิ่งที่คาดหวังได้ เนื่องจากภาวะผิดปกติของร่างกายชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า ภาวะมีบุตรยาก
ภาวะมีบุตรยากสามารถพบได้ในทุกเพศ และทุกวัย แต่มีโอกาสสูงที่จะเกิดในช่วงที่มีอายุมากเเล้ว มันเป็นอุปสรรคที่ทำให้การปฏิสนธิตามธรรมชาติ เกิดได้ยากกว่าปกติ แต่ไม่ใช่ว่า จะไม่มีวิธีการรักษา วิทยาการแพทย์ปัจจุบันได้มีการคิดค้นวิธีการผสมเทียมมากมาย ที่ช่วยให้คนที่มีภาวะมีบุตรยาก ก็สามารถมีลูกได้ ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ การทำเด็กหลอดแก้ว
เด็กหลอดแก้ว คืออะไร ?
เด็กหลอดแก้ว เป็นหนึ่งในวิธีการผสมเทียม ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมา เมื่อประมาณ 40 ปีก่อน เด็กหลอดแก้วเป็นกระบวนการปฏิสนธินอกร่างกาย เพื่อให้สามารถควบคุมขั้นตอนต่างๆได้ ซึ่งเมื่อการปฏิสนธิสามารถทำได้สำเร็จจนได้ตัวอ่อนมาเเล้ว ก็จะนำตัวอ่อนกลับเข้าสู่ครรภ์ของมารดา เพื่อให้เจริญเติบโตในครรภ์ตามธรรมชาติ
การทำเด็กหลอดแก้ว เรียกได้ว่า เป็นการผสมเทียมที่มีโอกาสสำเร็จมากที่สุด ในบรรดาการผสมเทียมแบบต่างๆ และภาวะมีบุตรยากนั้นมีปัจจัยอยู่ด้วยกันหลายอย่าง แต่การทำเด็กหลอดแก้วสามารถก้าวข้ามปัญหาเหล่านั้นได้
ความแตกต่างระหว่าง IVF และ ICSI
การทำเด็กหลอดแก้วนั้น จะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ นั่นก็คือ IVF และ ICSI หรือที่คนเรียกว่าอิ๊กซี่ แม้จะมีชื่อเรียกต่างกัน เเต่ทั้งสองอย่่าง ก็คือ การทำเด็กหลอดแก้วทั้งคู่ แต่มีความแตกต่างกันในขั้นตอนบางส่วน ซึ่งก่อนอื่นเราต้องไปดูก่อนว่า IVF คืออะไร และ ICSI คืออะไร
IVF หรือ In-vitro Fertilization
IVF คือ การปฏิสนธิภายนอกร่างกาย โดยการนำเซลล์ไข่ของฝ่ายหญิง ในขณะที่เก็บเซลล์อสุจิของฝ่ายชายมาทำการผสมกันภายในภาชนะบรรจุของเหลวในห้องปฏิบัติการพิเศษ จากนั้นนำไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิเเล้ว ใส่กลับเข้าไปยังครรภ์ของฝ่ายหญิง
ICSI หรือ Intracytoplasmic Sperm Injection
ICSI คือการปฏิสนธิภายนอกร่างกายเช่นกัน เเต่เพิ่มกระบวนการช่วยให้เกิดการปฏิสนธิโดยฉีดเซลล์อสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง ไม่ต้องรอให้มันผสมกันเองในภาชนะ เพราะในปล่อยให้ผสมกันเอง มีปัจจัยที่เป็นอุปสรรคได้อยู่ คือ เปลือกไข่เเข็ง เซลล์อสุจิไม่สามารถเจาะได้ หรือเซลล์อสุจิอ่อนเเอจนไม่สามารถว่าย และเจาะเข้าไปยังเซลลืไข่
ถ้าสรุปความแตกต่างระหว่าง IVF และ ICSI การทำอิ๊กซี่นั้น เพิ่มโอกาสในการสำเร็จมากกว่า เพราะ ICSI นั้น คือ IVF แบบที่ได้รับการอัพเกรด ตัดปัจจัยเสี่ยงเพิ่มโอกาสสำเร็จให้มากขึ้น
ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว
เมื่อตระหนักได้ว่าตนเอง และคู่ครองมีภาวะมีบุตรยาก การพบแพทย์เพื่อปรึกษาหาทางออก จึงเป็นสิ่งที่ควรรีบทำ เพราะการปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่ทำการแก้ไข อายุที่มากขึ้น จะลดโอกาสความสำเร็จในการมีลูกได้ ซึ่งเมื่อตัดสินใจที่จะเข้าพบแพทย์แล้ว แพทย์จะทำการประเมินเบื้องต้น ทั้งสภาพร่างกาย และดูอาการภาวะมีบุตรยาก ว่ามีอะไรบ้าง
ซึ่งหลังจากแพทย์ได้ทำการวินิจฉัยเเล้ว ก็จะเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด สำหรับการทำเด็กหลอดแก้วนั้น มีขั้นตอนสำคัญๆ อยู่ด้วยกันทั้งหมด 6 ขั้นตอน ดังนี้
1. เริ่มฉีดยากระตุ้นไข่
หลังจากตรวจร่างกายดูระดับฮอร์โมน ทำอัลตร้าซาวด์ แพทย์จะให้ฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นรังไข่ในวันที่ 2 หรือ 3 ของรอบเดือน ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 8-10 วัน
2. การเก็บไข่และคัดแยกเซลล์อสุจิ
การเก็บเซลล์ไข่จากฝ่ายหญิง : เมื่อไข่ถูกกระตุ้นให้ได้ขนาดที่แพทย์ต้องการแล้ว แพทย์จะทำการเจาะเก็บไข่ โดยใช้เข็มดูดผ่านทางช่องคลอด ใช้เวลาไม่เกิน 20-30 นาที จะมีการวางยาเพื่อป้องกันความเจ็บปวด
การคัดแยกและเก็บเซลล์อสุจิจากฝ่ายชาย : ช่วงที่เก็บไข่จากฝ่ายหญิง ฝ่ายชายก็ต้องเก็บเซลล์อสุจิใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ให้โดยแพทย์ แล้วจะนำมาคัดแยกเอาเฉพาะอสุจิที่สมบูรณ์แข็งแรงที่สุด เพื่อนำมาผสมกับไข่ในห้องทดลอง เพื่อตรวจดูการปฏิสนธิต่อไป
3. การทำเด็กหลอดแก้ว
ขั้นตอนสำคัญของกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว ที่จะทำให้เกิดการปฏิสนธิ ก็จะมีด้วยกัน 2 อย่าง คือ วิธี IVF และ ICSI
IVF : แพทย์จะนำไข่และอสุจิให้ผสมกันเอง หรือก็คือปล่อยให้เกิดการปฏิสนธิตามธรรมชาติ แต่ทำภายนอกร่างกาย แล้วตรวจดูการปฏิสนธิว่าสำเร็จหรือไม่
ICSI : การทำอิ๊กซี่นั้นก็ใกล้เคียงกับ IVF แต่ในกรณีที่อสุจิมีน้อยหรือคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานมาก มีความเสี่ยงสูงว่าจะไม่เกิดการปฏิสนธิ แพทย์ก็จะทำการเลือกอสุจิตัวเดียวที่สมบูรณ์แข็งแรงสุด ฉีดเข้าไปในไข่ โดยไม่ต้องรอให้เกิดการปฏิสนธิตามธรรมชาติ
4. การเลี้ยงตัวอ่อน
หลังผ่านการปฏิสนธิจนเป็นตัวอ่อน ก็จะทำการเลี้ยงตัวอ่อนในห้องปฏิบัติการต่อประมาณ 3-5 วันจนเข้าสู่
ระยะบลาสโตซีสต์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไป
5. การย้ายตัวอ่อน
ขั้นตอนนี้คือการย้ายตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูกด้วยการใส่เครื่องมือทางช่องคลอดเหมือนการตรวจภายใน จะมีการใช้อัลตร้าซาวด์เพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะวางตัวอ่อนในโพรงมดลูก ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
6. ตรวจการตั้งครรภ์
หลังจากที่ย้ายตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูกแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ แพทย์จะทำการนัดมาตรวจเลือดเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์
ภาวะมีบุตรยากแบบไหนบ้าง ที่ควรทำเด็กหลอดแก้ว
อย่างที่กล่าวไว้เบื้องต้น ภาวาะมีบุตรยากนั้นมีปัจจัยอยู่ด้วยกันหลายอย่าง โดยภาวะมีบุตรยากที่ควรเลือกวิธีการทำเด็กหลอดแก้ว เป็นการผสมเทียม จะมีอยู่ด้วยกัน ดังนี้
ฝ่ายหญิง
- ผู้หญิงที่อายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป
- ผู้หญิงที่มีท่อนำไข่ตีบตัน ส่งผลให้เซลล์อสุจิไม่สามารถว่ายไปที่เซลล์ไข่ได้
- ผู้หญิงที่มีผนังเซลล์ไข่หนากว่าปกติจนเซลล์อสุจิไม่สามารถเจาะเข้าไปในเซลล์ไข่เพื่อปฏิสนธิได้
- ผู้หญิงที่มีภาวะตกไข่ผิดปกติ
- ผู้หญิงที่มีพังผืดในอุ้งเชิงกราน
- ผู้หญิงที่มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- ผู้ที่ทำหมันแล้วแต่อยากมีลูกอีก
- ผู้ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม
- ผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากไม่ทราบสาเหตุ
ฝ่ายชาย
- ผู้ชายที่มีปัญหาด้านสมรรถภาพทางเพศ ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ
- ผู้ชายที่มีเซลล์อสุจิน้อย ไม่แข็งแรง
- ผู้ชายที่ทำอสุจิมีการอุดตัน ไม่สามารถหลั่งอสุจิออกมาได้
- ผู้ที่ทำหมันแล้วแต่อยากมีลูกอีก
- ผู้ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม
- ผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากไม่ทราบสาเหตุ
การเตรียมตัวก่อนทำเด็กหลอดแก้ว
สำหรับการเตรียมตัวในการทำเด็กหลอดแก้วนั้น มีทั้งสำหรับฝ่ายชาย และฝ่ายหญิง จริงอยู่ที่การทำ
เด็กหลอดแก้ว มีโอกาสสูงที่จะช่วยให้เกิดการปฏิสนธิได้ แต่อย่างไรก็ตาม การเตรียมตัวที่ดี จะช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จได้อีก โดยสำหรับการเตรียมตัวนั้น จะมีอยู่ด้วยกัน ดังนี้
ฝ่ายหญิง
- ดื่มน้ำทุกวันอย่างน้อย 2 ลิตร
- รับประทานอาหารที่มีโปรตีนทุกวัน โดยอย่างน้อยต้องมีโปรตีน 60 มิลลิกรัม
- งดแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ก่อนเข้ารับการรักษาอย่างน้อย 3 เดือน
- หลีกเลี่ยงคาเฟอีนทุกชนิด
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
ฝ่ายชาย
- หลีกเลี่ยงการทำซาวน่า เพราะจะทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูง ทำให้สร้างเซลล์อสุจิได้ไม่ดี
- ไม่สวมชั้นในแน่นเกินไป
- งดบุหรี่และแอลกอฮอล์อย่างน้อย 3 เดือน
- งดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 3 วันก่อนวันเก็บเชื้ออสุจิ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
ข้อปฏิบัติหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว
เพื่อให้มั่นใจการฝังตัวของตัวอ่อนสมบูรณ์ หลังเสร็จสิ้นกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว แพทย์จะให้เรานอนพักประมาณ 1-2 ชั่วโมงก่อนกลับบ้าน
ส่วนในการปฏิบัติตัวหลังจากนั้น ว่าที่คุณเเม่ควยปฏิบัติเสมือนเรากำลังตั้งครรภ์อยู่ สิ่งที่ต้องทำก็จะมีไม่ควรเครียดกังวลเกินไป และไม่ทำงานหนักจนเกินไป หลีกเลี่ยงการออกแรงเกิน งดออกกำลังกาย และทานยาปรับฮอร์โมนตามแพทย์สั่งให้ครบ
หากว่ามีอาการผิดปกติเช่น มีไข้สูง ท้องอืดมากผิดปกติ หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติให้รีบพบแพทย์ทันที
ค่าใช้จ่ายการทำเด็กหลอดแก้ว
ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสสำเร็จสูง แต่สิ่งที่ตามมา คือ การทำเด็กหลอดแก้วนั้นจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง โดยทำเด็กหลอดแก้วจะตกประมาณ 200,000-500,000 บาทซึ่งขึ้นกับสถานพยาบาลที่เราเข้าไปใช้บริการ รวมไปถึงภาวะมีบุตรยากของเต่ละคนก็มีความรุนแรงไม่เท่ากัน
การเลือกสถานที่สำหรับการทำเด็กหลอดแก้วทั้ง IVF และ ICSI
ปัจจุบันการทำเด็กหลอดแก้วทั้ง IVF และ ICSI ค่อนข้างจะเป็นที่นิยมมาก เพราะภาวะมีบุตรยากนั้นสามารถเกิดได้กับทุกคน หลายครอบครัวจึงหันไปหาวิธีการผสมเทียมที่จะช่วยให้พวกเขาได้อุ้มลูกเป็นของตัวเอง จะเห็นได้ว่ามีสถานพยาบาลมากมาย ที่มีการบริการผสมเทียม และการทำเด็กหลอดแก้ว
ดังนั้นการเลือกสถานที่สำหรับการทำเด็กหลอดแก้ว ควรเลือกอย่างระมัดระวัง เพราะสถานที่ที่ทำการรักษานั้นมีอยู่มากมาย ทั้งที่เป็นคลินิก หรือ โรงพยาบาลใหญ่ๆ
โดยการตัดสินใจเลือกสถานที่ทำเด็กหลอกแก้วนั้น ไม่ควรพิจารณาแต่ราคาถูกอย่างเดียว ต้องพิจารณาจากสถานพยาบาลมีความใบรับรองที่ถูกต้องไหม แพทย์ มีประสบการณืเพียงพอหรือเปล่า จำนวนเคสที่เคยรักษามีอยู่เท่าไหร่ควรให้ความสำคัญกับความสะอาด ความสะดวกในการเดินทางไปกลับ
ซึ่งสถานพยาบาลที่มีความครบครัน และเพรียบพร้อมตามที่กล่าวไว้ ก็จะมี ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก Beyond IVF เพราะที่นี่มีแพทย์เฉพาะทางด้านสูตินรีเวช จากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี รวมทั้งตัวสถานพยาบาลยังมีมาตรฐานสูง มั่นใจได้ว่ามีความสะอาดและปลอดภัย มีอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย และมีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำ และความช่วยเหลือ
คำถามที่คนมักสงสัย
ทำเด็กหลอดแก้ว เลือกเพศได้ไหม ?
ในทางปฏิบัติเเล้ว การทำเด็กหลอดแก้วสามารถเลือกเพศได้ เเต่จากกฎหมายของไทย ถือว่าเป็นความผิด เกี่ยวกับการดัดเเปลงพันธุกรรมมนุษย์
ทำเด็กหลอดแก้ว ทำเด็กแฝดได้ไหม ?
เพราะการทำเด็กหลอดแก้วเป็นเพียงการนำเซลล์ไข่และเซลล์อสุจิจำนวนหนึ่งมาวางรวมกับบนจานเพาะเชื้อและปล่อยให้มีการปฏิสนธิเองตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะเกิดลูกแฝดจากเด็กหลอดแก้วได้ เเต่หากเป็นลูกแฝดเเล้ว ต้องทำการดูเเลอย่างใกล้ชิด เพราะมีโอกาสเกิดโรคเเทรกซ้อนได้
โอกาสและความเสี่ยงในการทำเด็กหลอดแก้ว ?
โดยเฉลี่ยแล้วการทำเด็กหลอดแก้วมีอัตราความสำเร็จอยู่ที่ประมาณ 60 % แต่ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัยเช่นสภาพร่างกายของฝ่ายหญิง ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งทำให้โอกาสตั้งครรภ์น้อยลง การทำงานของรังไข่ ความแข็งแรงของตัวอ่อน เป็นต้น
สรุป
จะเห็นได้ว่า การทำเด็กหลอดแก้วนั้น เพิ่มโอกาสสำเร็จให้การปฏิสนธิได้สูงเป็นอย่างมาก ดังนั้นสำหรับคนที่กำลังประสบปัญหาภาวะมีบุตรยาก หรือลังเลว่าตัวเองเป็นอยู่หรือไม่ อย่ารอช้าที่จะเข้ารับการรักษา
เพราะหากยิ่งปล่อยไว้นาน การรักษาก็จะทำได้ยากมากขึ้น ให้การทำเด็กหลอดแก้วช่วยเติมเต็มครอบครัวคุณให้สมบูรณ์นะคะ