หมดกังวล ! ตาไม่เท่ากัน ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญมากบนใบหน้า นอกจากใช้งานทางด้านการมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ก็ยังเป็นส่วนที่คู่สนทนามักจะมอง และสังเกต ดังนั้นการมีเสน่ห์ น่าดึงดูดสายตาของบุคคลรอบข้าง ดวงตาของเราก็มีผลเช่นกัน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเองด้วย
แต่สำหรับคนตาไม่เท่ากัน หรือมีตาสูงไม่เท่ากัน ซึ่งไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม ย่อมส่งผลเสียต่อความมั่นใจ บุคลิกภาพ และสภาพจิตใจในระยะยาว ดังนั้นเรามาดูกันว่าสาเหตุของ ตาไม่เท่ากัน เกิดจากอะไร และสามารถรักษาได้อย่างไรบ้าง
ตาไม่เท่ากัน
ถึงแม้จะกล่าวว่าดวงตาของคนเราโดยธรรมชาติจะไม่เท่ากัน 100% แต่มันจะไม่สามารถสังเกตได้ชัดเจน ถ้าเมื่อใดก็ตามที่ชั้นตาไม่เท่ากัน นั่นหมายความว่าได้มีความผิดปกติในร่างกายเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งจะมาจากสาเหตุใดนั้น เราควรศึกษาหาข้อมูลเพื่อจะได้ทำการรักษาได้อย่างถูกวิธี
ตัวอย่างของชั้นตาไม่เท่ากัน ที่เห็นได้ค่อนข้างชัดเจน คือ ชั้นตาข้างหนึ่งใหญ่กว่าอีกข้างหนึ่ง หรือ ดวงตาเปิดได้ไม่เท่ากัน, ตำแหน่งของตาดำไม่เท่ากัน, ลืมตาได้ไม่เต็มที่ หรือมีโครงกระดูกเบ้าตาไม่เท่ากันทั้งสองข้าง จึงทำให้ตาไม่เท่ากันด้วย นอกจากนี้โครงสร้างของใบหน้าที่ไม่สมดุล เช่น คิ้วและโหนกแก้มไม่เท่ากัน ก็มีผลเช่นกัน ซึ่งสาเหตุของตาไม่เท่ากันก็มีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง ซึ่งเราจะมาดูในหัวข้อถัดไป
สาเหตุ ตาไม่เท่ากัน เกิดจากอะไร ?
สาเหตุที่ชั้นตาไม่เท่ากัน เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน มีทั้งแบบควบคุมได้ และแบบความคุมไม่ได้ แต่สามารถรักษาให้ถูกวิธีได้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เราพอจะจำแนกสาเหตุหลัก ๆ ได้ดังต่อไปนี้
1.อายุ
การที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้หนังตาตก หรือ กล้ามเนื้อบริเวณตาอ่อนแรง ทำให้เปลือกตาบนย้อยลงมาปิดชั้นตาล่าง นำไปสู่อาการตาไม่เท่ากัน
2.กิจวัตรประจำวัน
เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากความเคยชิน เช่น ขยี้ตาแรง ๆ หรือ นอนตะแคงเป็นประจำ ทำให้กล้ามเนื้อตาข้างใดข้างหนึ่งหย่อนคล้อย หรือ เคี้ยวอาหารไม่เท่ากัน เน้นเคี้ยวอาหารข้างเดียว จนมีปัญหากรามเบี้ยว หรือจ้องหน้าจอโทรศัพท์ / คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ โดยไม่พักสายตา หรือ ใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน
3.อุบัติเหตุ
ตาไม่เท่ากันอาจเกิดกับผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุที่ทำให้บริเวณรอบดวงตากระทบกระเทือน ส่งผลกระทบต่อสมองหรือเส้นประสาทควบคุมกล้ามเนื้อตา ก่อให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงตามมา จนทำให้ตาไม่เท่ากันได้
4.โรคบางชนิด
เช่น โรคภูมิแพ้ ทำให้รู้สึกคันตาบ่อย ๆ จนต้องขยี้ตา กระทั่งไขมันบริเวณชั้นตาสลายไป หรือเป็นโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เป็นต้น โรคเหล่านี้ก็สามารถทำให้เป็นตาไม่เท่ากัน ได้เช่นกัน
5.ศัลยกรรมตาสองชั้นมาก่อน
มีปัญหาจากการทำศัลยกรรมตา 2 ชั้น เช่น ชั้นตาสูง – เตี้ยเกินไป, ลืมตาไม่ได้, รูปทรงไม่สวย, ตาไม่เท่ากัน, ตาปรือ
สังเกตอาการตาไม่เท่ากัน
เราสามารถสังเกตอาการชั้นตาไม่เท่ากันได้จาก
- ชั้นตาสูง หรือ เบ้าตาลึก จึงทำให้ดวงตาข้างหนึ่งสูงกว่าอีกข้าง
- เปลือกตาไม่เท่ากัน อาจเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้นทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย
- คิ้วไม่เท่ากัน เนื่องจากคิ้วตก หรือ ตำแหน่งไม่สมดุลกัน
- ตาสามชั้น ทำให้ชั้นตาดูไม่เท่ากัน
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง ทำให้ตาปรือ ตาตก ตาง่วง เพียงข้างเดียว
วิธีแก้ไขตาไม่เท่ากัน
วิธีแก้ตาไม่เท่าก้นนั้นแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1.รักษาตาไม่เท่ากันแบบไม่ผ่าตัด
เป็นการแก้ไขตาไม่เท่ากัน โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด วิธีที่ใช้มีดังนี้
- การฉีดสารโบท๊อกซ์ ที่มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว (เช่น โบท๊อกซ์) ช่วยปรับรูปตาให้แลดูเท่ากั
- การฉีดฟิลเลอร์ตรงเปลือกตา, ร้อยไหม (Foxy Eye) เพื่อดึงผิวหนังบริเวณหางตาให้ยกขึ้นตามแนวเส้นไหม
- การใช้เครื่องยกกระชับ Hifu Ultraformer พลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ความถี่สูงยิงไปที่ชั้นผิ
- เข้าโปรแกรมเพื่อยกกระชับผิวหนังรอบดวงตา เช่น Thermage FLX, Ulthera SPT และ INDIBA Eye Restore เป็นต้น
2.รักษาตาไม่เท่ากันแบบผ่าตัด
เป็นการรักษาที่ใช้วิธีกรีดเปลือกตา ซึ่งการรักษาตาไม่เท่ากัน โดยการผ่าตัดก็จะมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ผ่าตัดปรับกล้ามเนื้อตา ด้วยการตัดหนังตาส่วนเกินออก เย็บชั้นตารวมกับรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงให้แข็งแรงขึ้นแบบกรีดสั้น ที่เหมาะกับหนังตาที่ไม่หนามาก มีไขมันตาน้อย ผิวหนังตาบาง มีตาชั้นเดียว ใช้เวลาผ่าตัด 30-40 นาที
แบบกรีดยาว จะใช้เวลาผ่าตัด 45–60 นาที ผ่าได้ทั้งแบบหัวตาแบบฝรั่ง หรือ หัวตาแบบเอเชีย ใช้การเย็บตาด้านใน แบบเปิดหัวตาและหางตา การรักษาวิธีนี้ช่วยให้ดวงตากลมโตมากขึ้น ใช้เวลาผ่าตัด 30-45 นาที แต่ไม่นิยมในไทย แบบเปิดตาดำ เหมาะกับคนที่ขาดไขมันบนตา มีไขมันชั้นตาด้านบนหนาเหมือนตาสามชั้น ต้องเลาะและตัดไขมันออกมาเย็บติดกับกระดูกขอบตาด้านบน ใช้เวลาผ่าตัด 40-60 นาที
แนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังรักษาตาไม่เท่ากัน
หลังจากที่ได้รับการรักษาตาไม่เท่ากันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว โดยเฉพาะรักศสด้วยการผ่าตัด ก็ควรที่จะดูแลตัวเองตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด โดยแนวทางวิธีการดูแลตนเองหลังรักษาตาไม่เท่ากัน มีอยู่ด้วยกัน ดังนี้
- ไม่ควรให้แผลโดนน้ำ ในเวลาอาบน้ำ ล้างหน้าและสระผม จนกว่าจะตัดไหม
- ใช้ผ้าเย็นประคบรอบดวงตาและหน้าผาก เพื่อลดบวมและเลือดซึมใน 2 วันแรก
- และในวันที่ 3-5 หลังผ่าตัดให้ประคบด้วยน้ำอุ่นเพื่อลดรอยช้ำ
- ให้หนุนหมอนยกศีรษะให้สูง เพื่อลดอาการบวมรอบดวงตา เวลานอน
- ไม่กินอาหารรสจัด ไก่ ไข่ อาหารทะเล และของหมักดอง ประมาณ 3 สัปดาห์
- ไม่ใช้สายตาเป็นเวลานาน ๆ และไม่ขยี้ตา
- ไม่ใช้เครื่องสำอางบนใบหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกเข้าสู่แผลผ่าตัดจนเกิดการติดเชื้อ
- ฝึกบริหารกล้ามเนื้อบริเวณตา ด้วยการลืมตาเต็มที่ กว้าง ๆ เป็นประจำหลังผ่าตัด
- ควรใส่แว่นตากันลมฝุ่น สิ่งสกปรก ทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน
- กินยาตามแพทย์สั่ง
- มาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
สรุป
ดังนั้นสำหรับคนที่มีตาไม่เท่ากัน และต้องการรักษาเพื่อให้ดูดี มีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม ถูกต้อง ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด บนฐานข้อมูลที่ได้รับจากบทความนี้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ