นำเสนอผลิตภัณฑ์ด้วยเว็บไซต์หน้าเดียว

นำเสนอผลิตภัณฑ์ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเว็บไซต์หน้าเดียว

นำเสนอผลิตภัณฑ์ด้วยเว็บไซต์หน้าเดียว

ความนิยมของช่องทางออนไลน์ในหมู่ธุรกิจที่ต้องการทำการตลาด เกิดจากอินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และที่สำคัญการทำการตลาดบนช่องทางออนไลน์มีความเป็นอิสระ เราสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์นำเสนอออกมาในรูปแบบไหนก็ได้ โดยการทำสื่อออนไลน์สามารถทำได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์บน Social Media, วีดีโอ, คลิปวีดีโอสั้น หรือการทำเว็บไซต์

ซึ่งการทำเว็บไซต์ก็สามารถแยกออกมาได้เป็น 2 แบบ คือ เว็บไซต์หน้าเดียว และเว็บไซต์หลายหน้า โดยคุณลักษณะ และจุดเด่นของเว็บไซต์ทั้ง 2 แบบก็จะมีความแตกต่างกัน โดยเราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเว็บไซต์หน้าเดียว เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างถูกวิธี และได้ประสิทธิภาพมากที่สุด



ความหมายของเว็บไซต์หน้าเดียว

เว็บไซต์หน้าเดียว เรียกเป็นชื่อภาษาอังกฤษได้ว่า Sale Pages หรือ Single Pages คือเว็บไซต์ที่มีเพียงหนึ่งหน้า ตรงตามชื่อของมัน เป็นเว็บไซต์ที่เจ้าของสามารถใส่ช้อมูลอะไรลงไปก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายสรรพคุณสินค้า แจ้งราคา อธิบายโปรโมชันผ่านทางตัวอักษร ไปจนถึงรูปภาพ และวีดีโอ ขึ้นอยู่กับตามความต้องการของเจ้าของเว็บไซต์ แต่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าข้อมูลทุกอย่างที่ใส่ต้องมีไม่เกินหนึ่งหน้า


คุณลักษณะของเว็บไซต์หน้าเดียว

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นเกี่ยวกับเว็บไซต์หน้าเดียว ลักษณะของมันตรงตามชื่อของมัน คือ เป็นเว็บไซต์ทั่วไป แต่มีเพียงหน้าเดียวเท่านั้น โดยเว็บไซต์หน้าเดียว หรือ Sale Pages สามารถนำเสนอร่วมกับช่องทาง Social Media อื่น ๆ ได้ โดยเราอาจจะเคยได้ยินชื่อ Sale Pages Facebook หรือ Sales Pages TikTok 

โดยเว็บไซต์หน้าเดียวสามารถนำเสนอข้อมูลได้ 3 ประเภท มีรายละเอียดดังนี้

  1. Text : การนำเสนอ และการบรรยายออกมาเป็นรูปแบบของตัวอักษร โดยข้อมูลที่มักนำเสนอในรูปแบบตัวอักษร จะมี
  • การบรรยายสรรพคุณ ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ ที่ลูกค้าจะได้หลังจากการซื้อสินค้า
  • ราคาสินค้า เป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องใส่ เพราะการจะตัดสินใจผลิตภัณฑ์สักชิ้น ราคามีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าอย่างมาก
  • ส่งเสริมการขาย ส่วนลด โปรโมชัน ซื้อ 1 แถม 1 สิ่งเหล่านี้จะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าสนใจซื้อผลิตภัณฑ์ ดังนั้นต้องมีการบรรยายให้ลูกค้าได้รับทราบว่า ธุรกิจของเรามีโปรแกรมส่งเสริมการขายอะไรบ้าง
  • ช่องทางการติดต่อผู้ขาย หากต้องการข้อมูลก่อนซื้อสินค้าเพิ่มเติม เพื่อนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจ หรือพบปัญหาเกี่ยวกับสินค้าหลังจากซื้อไปแล้ว ผู้ซื้อควรมีช่องทางในการติดต่อสอบถามไปยังผู้ขายได้ เพราะแม้จะมีการวางระบบอัตโนมัติมากแค่ไหน ก็อาจไม่สามารถให้ข้อมูลที่ลูกค้าต้องการได้ทั้งหมด
  • รีวิวสินค้าจากผู้ใช้ท่านอื่น โดยเราสามารถนำคอมเมนต์จากลูกค้าก่อนหน้ามานำเสนอ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ
  1. Picture : การนำเสนอข้อมูลผ่านการใช้รูปภาพ จะช่วยให้เว็บไซต์ดูไม่น่าเบื่อ แม้ตัวอักษรจะสามารถอธิบายได้ชัดเจน แต่ถ้ามีมากเกินไปก็จะน่าเบื่อ การใส่รูปภาพแนบจะทำให้ผู้เข้าชมสามารถอ่านข้อมูลเว็บไซต์หน้าเดียวได้โดยไม่เบื่อเสียก่อน โดยข้อมูลประเภทรูปภาพที่มักนำเสนอในรูปแบบของรูปภาพจะมี
  • ภาพสินค้า ความแตกต่างของการซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ และซื้อสินค้าผ่านหน้าร้าน คือ ลูกค้าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ของจริง ซึ่งการขายออนไลน์จะสามารถแก้ไขข้อนี้โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของรูปภาพ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเห็นภาพได้ว่าสินค้าที่ซื้อไปจะมีหน้าตาแบบไหน
  • ภาพสาธิตวิธีการใช้งาน สินค้าบางประเภท อาจมีขั้นตอนการใช้งาน การอธิบายให้เห็นภาพควบคู่กับการใช้ตัวอักษรจะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจถึงวิธีการใช้งานสินค้าก่อนซื้อ เพราะหากไม่รู้วิธีการใช้งาน ไม่รู้การทำงานของสินค้า ก็อาจทำให้ลูกค้าลังเลที่จะซื้อได้
  1. Video : นอกจากรูปภาพแล้ว อีกวิธีในการทำให้ลูกค้าเห็นว่าผลิตภัณฑ์มีหน้าตาเป็นอย่างไรก็คือการนำเสนอด้วยวีดีโอ ซึ่งการนำวีดีโอมาใส่ลงบนเว็บไซต์หน้าเดียวก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยข้อมูลที่มักนำเสนอในรูปแบบของวีดีโอ มีดังนี้
  • สาธิตวิธีการใช้งาน แม้จะสามารถอธิบายได้ด้วยภาพและตัวอักษร แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าวีดีโอจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าใจขั้นตอนที่ซับซ้อนได้ง่ายกว่า
  • วีดีโอรีวิวสินค้า Influencer ในปัจจุบันมักรีวิวสินค้าในรูปแบบของวีดีโอ เพื่อช่วยเพิ่มยอดการเข้าถึงให้มากขึ้น

ซึ่ง 3 อย่างนี้เป็นองค์ประกอบหลักที่ควรใส่ได้ เพื่อให้เว็บไซต์หน้าเดียวมีข้อมูลครบถ้วนที่จะสามารถดึงดูดให้ลูกค้าสนใจ และตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ได้ นอกจากนี้องค์ประกอบอื่นที่สามารถใส่ลงในเว็บไซต์หน้าเดียวได้ ยกตัวอย่างเช่น

  1. ปุ่ม Call to action (CTA) : ปุ่มที่ทำให้ฟังก์ชันที่อยู่ในเว็บไซต์หน้าเดียวสามารถทำงานได้ เช่น ปุ่มลงทะเบียนจองสินค้า, ปุ่มเพื่อติดต่อไปยังผู้ขาย
  2. ระบบสั่งซื้อออนไลน์อัตโนมัติ : การเลือกสินค้าลงตะกร้า, การสรุปจำนวน และยอดเงินก่อนเริ่มชำระ และระบบการโอนชำระอัตโนมัติ ระบบนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าและดำเนินการได้ด้วยตนเอง เพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้า รวมไปถึงแอดมินที่คอยทำงานดูแลหลังบ้าน
  3. ระบบหลังบ้านต่าง ๆ : ระบบเก็บข้อมูลลูกค้า เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลในการทำแผนการตลาด ระบบคำนวณปริมาณสินค้าในคลัง และแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ ระบบต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น
ข้อดีของเว็บไซต์หน้าเดียว

ข้อดีของเว็บไซต์หน้าเดียว มีอะไรบ้าง

เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเว็บไซต์หน้าเดียวเป็นช่องทางในการขายออนไลน์หรือไม่ เรามาดูข้อดีของเว็บไซต์หน้าเดียวว่ามีอะไรบ้าง โดยข้อดีของมันสามารถสรุปออกมาได้เป็นข้อ ดังนี้

  • เว็บไซต์หน้าเดียว สามารถเริ่มทำได้ด้วยตนเอง โดยมันมีระบบ Drag & Drop หรือการเลือกองค์ประกอบ และจัดวางได้ง่าย ๆ ด้วยตนเอง หรือก็คือ การจิ้มและลากวาง
  • เว็บไซต์หน้าเดียวสามารถจัดวาง ออกแบบได้อย่างอิสระ ไม่จำกัดกรอบความคิดสร้างสรรค์
  • เว็บไซต์หน้าเดียวมีระบบที่สามารถส่งเสริมการขาย ผ่านทางการนำเสนอข้อมูลได้ครบถ้วน และปิดการขายได้ด้วยตนเอง ผ่านทางระบบชำระเงินออนไลน์, ระบบช็อปปิ้งออนไลน์ ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับองค์ประกอบและฟังก์ชันที่ผู้ใช้ใส่เข้าไปในเว็บไซต์หน้าเดียว
  • เว็บไซต์หน้าเดียวสามารถแสดงผลได้บนคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน
  • เว็บไซต์หน้าเดียวสามารถใช้ร่วมกับ Social Media อื่น ๆ เช่น Facebook และ TikTok ได้
  • เว็บไซต์หน้าเดียวสามารถใช้ร่วมกับการยิงแอดโฆษณาอื่น ๆ เพื่อเพิ่มการมองเห็น เพิ่มโอกาสที่จะได้ลูกค้ามากขึ้น
  • และเนื่องจากสามารถใช้ร่วมกับ Social Media อื่น ๆ ได้ ทำให้เว็บไซต์หน้าเดียวสามารถทำการยิงแอดโฆษณาเสริมได้ เพื่อเพิ่มการมองเห็นให้มากขึ้น

ข้อจำกัดของเว็บไซต์หน้าเดียว คืออะไร

ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะมีข้อดีเสมอไป เว็บไซต์หน้าเดียวเองก็มีข้อจำกัดเช่นกัน เนื่องจากเว็บไซต์หน้าเดียว เป็นเว็บไซต์ที่มีเพียงหนึ่งหน้าเท่านั้น ส่งผลให้พื้นที่ในการนำเสนอข้อมูลมีน้อย ทำให้เว็บไซต์หน้าเดียวอาจไม่เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการนำเสนอข้อมูลจำนวนมาก เช่น มีผลิตภัณฑ์หลายชนิด และมีข้อมูลอื่น ๆ นอกจากผลิตภัณฑ์ที่อยากนำเสนอให้คนรับรู้


ความแตกต่างระหว่างเว็บไซต์หน้าเดียว (Single page) กับเว็บไซต์หลายหน้า (Multi-page)

ความแตกต่างระหว่างเว็บไซต์หน้าเดียว และเว็บไซต์หลายหน้า คือ จำนวนหน้าและพื้นที่ในการนำเสนอข้อมูลของเว็บไซต์ โดยที่

  • เว็บไซต์หน้าเดียว (Single / Sale Pages) : เป็นเว็บไซต์ที่มีเพียงหน้าเดียวเท่านั้น
  • เว็บไซต์หลายหน้า (Multi Pages) : เป็นเว็บไซต์ที่มีหลายหน้า โดยมีหน้าหลักที่จะสามารถพาผู้เข้าชมไปยังหน้าอื่น ๆ ของเว็บไซต์ได้
ความแตกต่างระหว่างเว็บไซต์หน้าเดียวกับเว็บไซต์หลายหน้า

ธุรกิจที่เหมาะสมจะใช้เว็บไซต์หน้าเดียว

ธุรกิจที่เหมาะสมกับเว็บไซต์หน้าเดียวจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กจนถึงปานกลาง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะเพิ่มยอดขายและไม่ได้มีสินค้าหลายประเภทเกินไป เนื่องจากข้อมูลทุกอย่างที่ต้องการนำเสนอต้องเสนอให้ครบจบในหน้าเดียว 

เนื่องจากธุรกิจขนาดใหญ่ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่การขายสินค้าเท่านั้น แต่ให้ความสำคัญกับเรื่องต่าง ๆ ด้วย ยกตัวอย่างเช่น การนำเสนอแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก การประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารขององค์กร

ธุรกิจที่เหมาะสมจะใช้เว็บไซต์หน้าเดียว

สรุป

เว็บไซต์หน้าเดียวเป็นช่องทางที่ส่งเสริมการขายออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยคุณลักษณะของมันที่มีหน้าเดียวมีความเหมาะสมกับพฤติกรรมการเสพสื่อของคนยุคนี้ คือ ไม่ต้องการอ่านข้อมูลปริมาณมาก ๆ และช่วยให้ผู้ขายสามารถสโคปข้อมูลที่ต้องการจะสื่อสารกับลูกค้าได้ และฟังก์ชันต่าง ๆ ที่สามารถใส่ในเว็บไซต์หน้าเดียวจะช่วยส่งเสริมให้ขั้นตอนการซื้อขายออนไลน์ง่ายขึ้น นำไปสู่การเพิ่มยอดขายให้สูงขึ้น


Similar Posts