แก้จมูก รวมเรื่องควรรู้ก่อนแก้จมูกใหม่ อาการแบบใดบ้างที่ต้องรีบแก้ไข
การเสริมจมูกเป็นการศัลยกรรมอย่างหนึ่งที่ผู้คนจำนวนมากเลือกทำเพื่อแก้ทรงจมูกอย่างแก้จมูกบาน แก้จมูกชมพู่ รวมถึงปรับรูปหน้าให้ดูดี มีมิติมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นศัลยกรรมยอดฮิตในทุกสมัย แต่การศัลยกรรมเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจเพราะไม่ใช่สิ่งที่จะเลือกทำตอนไหนหรือกับใครก็ได้ แต่ต้องเป็นสถานพยาบาลที่ผ่านการรับรองและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล
โดยหลังทำจมูกแล้วในบางรายอาจเกิดปัญหาจมูกอักเสบ ผิดรูป หรือภาวะแทรกซ้อนจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้จนต้องนัดหมออีกครั้งเพื่อแก้จมูก ซึ่งการแก้จมูกนั้นยากกว่าการเสริมใหม่จึงควรรักษากับศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ แล้วควรแก้จมูกที่ไหนดี? ในบทความนี้จะมาแนะนำเรื่องควรรู้ก่อนแก้จมูกใหม่มาบอกเล่า
ทำไมต้อง “แก้จมูก”
การแก้จมูกเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน โดยในบางสาเหตุอาจเกิดขึ้นจากการที่ผู้เสริมประสบอุบัติเหตุ ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องมีการแก้ไข และในกรณีส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นหลังจากการศัลยกรรมจมูกแล้วมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นจมูกเบี้ยวไม่ได้รูปตามต้องการ ซิลิโคนลอย จมูกบวม ติดเชื้อ มีแนวโน้มว่าจะทะลุหรือผิดรูปเพราะฉีดซิลิโคน อาการอักเสบต่าง ๆ เหล่านี้ต้องเร่งแก้ไข
ซึ่งกระบวนการในการแก้ปลายจมูกนั้นถือว่าทำได้ยากและมีขั้นตอนที่เยอะกว่าการเสริมจมูกใหม่ ดังนั้นเพื่อให้ได้รับการแก้ไขได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ แก้จมูกที่ไหนดีนอกจากผู้เข้ารับการรักษาจะต้องเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีใบรับรองได้มาตรฐานแล้ว การเลือกรักษากับหมอแก้จมูกเก่ง ๆ จะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนและตรงจุด
อาการแบบไหน ? ที่ต้องแก้จมูก
ลักษณะอาการใดบ้างที่เป็นปัญหาและควรได้รับการแก้จมูก
1. จมูกติดเชื้อ หรือ จมูกติดเชื้อ
อาการปวดเจ็บ บวมแดง หรือมีหนองไหลออกมาจากบริเวณที่เป็นแผล สาเหตุเกิดได้จากการกระทบกระเทือนหรือสัมผัสแผลบ่อยหลังจากเสริมจมูก มักใช้วิธีการแก้ไขโดยการผ่าตัดแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
2. จมูกเบี้ยว หรือ จมูกเอียง
จมูกเบี้ยวเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อย สาเหตุเกิดได้จากฐานจมูกผู้เสริมคนเอียงอยู่แล้วหรือการใช้ซิลิโคนไม่เข้ากับรูปจมูกเดิมของผู้เสริม อาการนี้ต้องใช้วิธีการรักษาโดยการผ่าตัดแบบเปิดเช่นเดียวกัน
3. ซิลิโคนลอย
สังเกตเห็นได้ชัดว่าซิลิโคนที่เสริมมาลอย ไม่แนบติดจมูก สามารถใช้นิ้วเลื่อนขยับได้เลย สาเหตุเกิดจากการวางตำแหน่งซิลิโคนที่ผิวหนังชั้นตื้นเกินไป ต้องผ่าตัดเปิดช่องว่างใต้เยื่อหุ้มกระดูกและเสริมให้แน่นขึ้น
4. จมูกทะลุ จมูกปลายบาง
ปลายจมูกบางใส รู้สึกเจ็บเสียวที่ปลายจมูกหรือซิลิโคนทะลุออกมา ซึ่งอาการประภทนี้ควรไปพบแพทย์โดยด่วน สาเหตุเกิดได้จากขนาดของซิลิโคนที่ยาวไปไม่พอดีกับโครงสร้างจมูกผู้เสริม
5. จมูกผิดรูปเพราะฉีดซิลิโคนเหลว ฉีดฟิลเลอร์จมูก
จมูกดูผิดรูป ผิวไม่เรียบ มีอาการอักเสบและบวมแดง สาเหตุเกิดการไหลของซิลิโคนซึ่งเป็นสารแปลกปลอมและอาจเกิดพังผืดได้หากไม่ทำการรักษา แก้ไขโดยใช้วิธีการผ่าตัดแบบเปิด
แก้จมูกใช้เทคนิคใดบ้าง
หากคุณกำลังตัดสินใจว่าแก้ไขจมูกที่ไหนดี คุณควรทำความเข้าใจเทคนิคการแก้จมูกเสียก่อน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันดังนี้
การแก้จมูกแบบปิด จะเป็นการผ่าตัดเปิดแผลเล็ก ๆ ภายในรูจมูก วิธีนี้จะใช้เวลาไม่นาน บวมน้อยและพักฟื้นสั้น ในขณะที่การแก้จมูกแบบเปิดอาจจะใช้เวลารักษาและพักฟื้นที่นานกว่าแต่ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ซึ่งจะมี 2 เทคนิคด้วยกันคือ
- แก้จมูกกระดูกอ่อนหลังหู โดยการเปิดแผลเล็ก ๆ หลังหูเพื่อนำกระดูกอ่อนมาใช้โดยไม่ทำให้ใบหูเสียรูป วิธีนี้จะต้องเปิดแปลที่จมูกและหลังใบหู
- แก้จมูกกระดูกอ่อน Septum โดยการนำกระดูกอ่อนแกนกลางข้างในโพรงมาใช้ซึ่งแข็งแรงกว่ากระดูกอ่อนหลังหู วิธีนี้เปิดแผลที่จมูกอย่างเดียว
ส่วนการแก้จมูกแบบตอกฐานจมูกจะเหมาะกับแก้จมูกงุ้ม โดย วิธีนี้จะเป็นการเปิดแผลด้านล่างจมูกเพื่อตอกกระดูกตรงสันสูงด้านใน ตั้งแกนแล้วยืดผนังกั้นให้ปลายเชิดโดยการเพิ่มซิลิโคนให้สันโด่ง ทั้งนี้วัสดุและวิธีการขึ้นอยู่กับความเหมาะสมโดยการประเมินของแพทย์ที่ทำการรักษาด้วย
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจแก้จมูก
หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ต้องการแก้ไขจมูก คุณควรศึกษาข้อควรรู้เหล่านี้ก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษา
- การแก้จมูกมีราคาแพงกว่าการเสริมจมูกครั้งแรก
- คุณควรเลือกรักษากับแพทย์ที่มีความชำนาญในการแก้จมูกโดยเฉพาะ และปรึกษาแผนการรักษาอย่างละเอียด
- หากมีอาการจมูกอักเสบหรือติดเชื้ออาจจะต้องพักให้อาการเหล่านี้หายก่อนทำการแก้ไขจมูกใหม่ โดยส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือนขึ้นไป
- ควรวางแผนการพักฟื้นให้เรียบร้อย เพราะหลังจากแก้จมูกผู้เข้ารับการรักษาต้องพักฟื้นราว 2 – 3 วัน
แก้จมูก ราคาเท่าไหร่
หลายคนอาจจะกังวลและตามหาสถานรักษาที่แก้จมูกราคาไม่แพง แต่ราคาแก้จมูกนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะของอาการ เทคนิควิธีการรักษา ซิลิโคนที่ใช้ และความชำนาญของแพทย์ในการแก้จมูกให้เข้ารูปด้วย ซึ่งคุณจะต้องปรึกษากับคุณหมอโดยตรงเพื่อประเมินราคาเบื้องต้นก่อน
เตรียมตัวก่อนแก้จมูก
เพื่อให้กระบวนการรักษาเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และไม่ส่งผลกระทบข้างเคียง มาดูกันว่าวิธีเตรียมตัวก่อนแก้จมูกมีอะไรบ้าง
- คุณควรแจ้งแพทย์ให้ทราบหากมีโรคประจำตัวหรือยาใดที่ทานประจำ เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์การรักษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
- ควรงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง ก่อนเข้ารับการผ่าตัด เพื่อป้องกันการสำลักอาหารในระหว่างผ่าตัดแก้จมูก
- ควรงดรับประทานยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบก่อนเข้ารับการผ่าตัดแก้จมูก เพราะยากลุ่มแอสไพรินและ NSAIDs มีฤทธิ์ให้เลือดแข็งตัวช้ากว่าปกติ
- งดรับประทานอาหารเสริมและวิตามินต่าง ๆ 1 สัปดาห์ขึ้นไปเป็นอย่างต่ำ เนื่องจากวิตามินเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดี จึงอาจทำให้เลือดหยุดไหลช้าระหว่างทำการผ่าตัดได้
- ควรงดสูบบุหรี่และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้แผลนูน แผลหายช้า หรือเป็นคีลอยด์ได้
- งดแต่งหน้าก่อนศัลยกรรมเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
ข้อควรระวังหลังแก้จมูก
การดูแลรักษาแผลผ่าตัดหลังแก้จมูกก็สำคัญไม่แพ้กัน มาดูว่าข้อควรระวังหลังแก้จมูกมีอะไรบ้าง
- ควรใช้หมอนรองคอหนุนเวลานอนเพื่อให้ศรีษะอยู่ในตำแหน่งที่สูง ไม่ควรนอนตะแคงหรือนอนหงาย
- ลดอาการบวมจากการผ่าตัดด้วยการประคบเย็นตามช่วงหัวตา บริเวณข้างแก้ม และหน้าผาก
- ทำความสะอาดบริเวณแผลผ่าตัดด้วยการใช้สำลีชุบน้ำเกลือ เบตาดีน และขี้ผึ้งอย่างสม่ำเสมอ ห้ามให้แผลโดนน้ำและงดการแต่งหน้าจนกว่าจะตัดไหม เพื่อป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อ
- ต้องรับประทานยาตามที่ศัลยแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- ควรงดอาหารที่ส่งผลให้แผลบวมช้ำหรือหายช้า อย่างเช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารทะเล ของหมักดอง อาหารรสจัด อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- เข้าพบแพทย์ตามนัดหมาย เพื่อให้การติดตามผลรักษาเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ
สรุป
การผ่าตัดแก้จมูกเรียกได้ว่ามีความซับซ้อนและยุ่งยากมากกว่าการเสริมจมูกในครั้งแรก คุณจึงควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจทำจมูกใหม่ หากเกิดปัญหาขึ้นแล้วแก้จมูกที่ไหนดีราคาไม่แพง? โดยหลักแล้วคุณควรเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน สามารถตรวจสอบรายชื่อแพทย์ที่ทำการรักษาให้ได้ นอกจากนี้การดูรีวิวแก้ไขจมูกของแต่ละที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกได้ตรงกับความต้องการได้ไม่ยาก