ฟิลเลอร์ปาก แก้ปัญหารูปปากด้วยวิธีทางการแพทย์
ทุกส่วนบนใบหน้าของคนเราย่อมมีผลต่อความงดงาม มีผลให้อวัยวะทุกอย่างบนใบหน้าส่งผลต่อภาพลักษณ์ในสายตาของคนอื่นที่อยู่รอบข้างตัว ไม่ว่าจะเป็น ตา หู จมูก และปาก ซึ่งหากส่วนใดที่กล่าวมานี้มีปัญหา ย่อมมีการติดต้นวิธีที่จะช่วยรักษา หรือแก้ไขให้ดีขึ้น โดยในบทความนี้เราจะเน้นไปเรื่องที่การแก้ไขที่รูปปากเป็น เช่น ปากบาง ปากแห้งลอก ปากคว่ำ เป็นต้น
สำหรับการแก้ปัญหารูปปากด้วยวิธีทางการแพทย์นั้นมีอยู่ 2 อย่างคือ ฉีดฟิลเลอร์ปาก และการผ่าตัดปาก แต่วิธีที่เป็นที่นิยม ทำได้ง่ายกว่า เราจะไปเน้นไปที่การทำ filler ปากที่เป็นวิธีที่สามารถช่วยเรื่องของการประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย แต่เจ็บเพียงเล็กน้อย ไม่มีแผลเป็น เห็นผลลัพธ์ไว ไม่ต้องพักฟื้น
ฟิลเลอร์ปากคืออะไร
ฟิลเลอร์ปากเป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ใช้แก้ไขปรับรูปทรงของริมฝีปากของคนไข้โดยไม่ต้องใช้การผ่าตัดใหญ่ เป็นการเติมเต็มปากด้วยสารประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ด้วยการใช้เทคนิคการฉีดสารที่ช่วยเปลี่ยนรูปของปาก ทำให้ความกว้างของปากดูเด่นตรงกลาง เปลี่ยนมุมมอง เพิ่มมิติ ซึ่งจะทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างใบหน้า
ฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถแก้ปัญหาอะไรบ้าง
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ดังต่อไปนี้
- คนที่ต้องการรูปปากได้สัดส่วนรับกับอวัยวะอื่น ๆ สร้างสมดุลบนใบหน้า
- ช่วยเสริมโหงวเฮ้งสร้างความมั่นใจให้ดูเป็นคนสุขภาพ และจิตใจดี ริมฝีปากชุ่มชื้น อวบอิ่มขึ้น
- ช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์เพราะสามารถแก้ปัญหาใบหน้าส่วนล่างที่งุ้มลงเหมือนคนแก่ ปากเหี่ยวขาดคอลลาเจนเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
- ช่วยปรับรูปหน้าให้กับคนที่กลัวการผ่าตัด
ฟิลเลอร์ปากมีทั้งข้อดีและข้อจำกัด มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
ฟิลเลอร์ปากนั้นมีทั้งข้อดีและข้อจำกัด ดังนั้นผู้เลือกใช้เทคนิคนี้ควรทำความเข้าใจและเปรียบเทียบก่อนว่าคุ้มค่าหรือไม่ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปาก
ข้อดี : ปลอดภัยต่อร่างกายเพราะใช้สารสังเคราะห์จากธรรมชาติที่ปลอดภัย 100% เสื่อมสลายได้เอง, ไม่มีรอยแผลเป็น, ใช้เวลาทำสั้น, ราคาไม่แพง, ปรับรูปทรงปากตามต้องการตลอดเวลา, เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่ต้องพักฟื้น
ข้อจำกัด : ผลลัพธ์ไม่ถาวรอยู่ได้นานสูงสุดประมาณ 18 เดือนขึ้นกับยี่ห้อฟิลเลอร์ปากและการดูแลตนเองหลังฉีด
ทรงฟิลเลอร์ปากที่ได้รับความนิยมและเลือกทำมากสุด
รูปทรงของริมฝีปากนั้นมีผลต่อใบหน้าอย่างมาก เช่น แบบเซ็กซี่, แบบน่ารัก, แบบสุขภาพดี, แบบสวยเฉี่ยว ฯลฯ แต่ทั้งนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มากประสบการณ์ ที่จะคอยแนะนำและออกแบบริมฝีปากให้เหมาะสมกับใบหน้าของคนไข้แต่ละคนก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะสมกับแบบรูปทรงของปากเหมือน ๆ กัน
เทคนิคการเลือกรูปทรงปากที่สามารถแก้ไขได้ด้วยฟิลเลอร์ปากนั้น จะต้องใช้สัดส่วนที่เหมาะสมของริมฝีปาก เพื่อให้เข้ากับรูปหน้าด้านข้างเป็นหลักโดยลากเส้นจากปลายจมูกมาที่คาง มีริมฝีปากล่างแตะเส้นพอดีและริมฝีปากบนห่างจากเส้น 2 mm. นอกจากนี้ยังต้องเน้นดูโครงหน้าที่เป็นแบบเอเชียให้ควรเลือกแบบธรรมชาติ, แบบกระจับ แบบสายเกาหลี เป็นต้น
รูปทรงริมฝีปากที่นิยมเลือกโดยคนที่มาทำฟิลเลอร์ปากในประเทศไทยก็มี
- ทรงปากคลาสสิค (Classic Lip)
เป็นการฉีดปากอวบอิ่มตามธรรมชาติ ทำให้ดูมีวอลลุ่ม ริมฝีปากบนและล่างได้สัดส่วน 1:1.6-1.7 เป็นการเติมความชุ่มชื้น แก้ปัญหาปากแห้ง ปากตกร่อง ทำให้แลดูมีสุขภาพดีขึ้น
- ทรงปากแบบเกาหลี (Cherry Lip)
เป็นการฉีดปากสายเกาหลี มีขอบริมฝีปากบนชัดเจน ขณะที่ริมฝีปากล่างดูมีลูกกลม ๆ 2 ลูกคล้ายลูกเชอรี่อยู่ข้างบน ในขณะที่ยังคงความสมส่วนของริมฝีปากบนและล่างที่ 1:1.6-1.7 ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ริมฝีปากดูสวยน่ารักมาก
- ทรงปากแบบสายฝอ หรือ แบบตะวันตก (Sexy Lip)
เป็นการฉีดปากสายฝอที่เน้นความอวบอิ่มทั้งริมฝีปากบนและล่าง ขอบปากดูเบลอไม่ชัดเจน มีความสมส่วนของริมฝีปากบนและล่างที่อัตราส่วนใกล้เคียงกัน 1:1 ทำให้แลดูเซ็กซี่ อวบอิ่ม
- ทรงปากกระจับ (Classic + Cherry Lip)
เป็นการฉีดปากกระจับที่ให้รูปทรงโค้งเรียวสวยงามรับกับใบหน้า เห็นขอบริมฝีปากบนชัดเจนคล้ายปีกนก ทั้งยังคงความสมส่วนไม่บางหรือแบนเกินไป แลดูคล้ายลูกเชอร์รี่ขนาดเล็ก ทำให้ริมฝีปากดูอมยิ้ม อารมณ์ดี เพราะฟิลเลอร์ยกมุมปาก
- ทรงปากมาสด้า (Cupid’ Bow)
เป็นทรงคล้ายรูปหัวใจ มีริมฝีปากล่างอวบอิ่ม นูนขึ้นทั้งสองฝั่ง สร้างขอบปาก และมีริมฝีปากบนเป็นรูปตัว M ชัดเจน ทำให้ได้ลุคที่ดูเซ็กซี่เบา ๆ
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากต้องเตรียมพร้อมอย่างไร
หลังจากตัดสินใจเลือกหัตถการฟิลเลอร์ปากเพื่อให้ได้รูปทรงริมฝีปากที่ต้องการ สิ่งแรกที่พึงกระทำก็คือ
- ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการฟิลเลอร์ปาก, คลินิกฉีดปากที่ได้มาตรฐาน, ยี่ห้อฟิลเลอร์ปากแท้ที่มีใช้ในคลินิก, ฉีดฟิลเลอร์ปากราคาเท่าไร และรีวิวจริงจากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกมาประกอบการตัดสินใจ
เมื่อตัดสินใจเลือกคลินิกได้แล้ว ให้ปฏิบัติตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ที่ปรึกษาก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากดังต่อไปนี้
- ทำความสะอาดใบหน้า งดเครื่องสำอาง ในวันที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- งดยาแก้ปวดอักเสบ เช่น แอสไพริน, NSAIDs อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนฉีด
- งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดยากอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนฉีด เช่น ใบแปะก๊วย ฯลฯ
- งดการแว๊ก
- งดใช้ยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดอย่างน้อย 2 วันก่อนฉีด
- ต้องแจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว หรือยากินประจำ (ถ้ามี)
วิธีปฏิบัติตนหลังฉีดฟิลเลอร์ปากพร้อมทั้งดูแลตนเอง
ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะอยู่ได้นานหรือไม่ ขึ้นกับยี่ห้อฟิลเลอร์ปากที่ใช้ และวิธีดูแลตนเองอย่างเคร่งครัดตามคำสั่งของแพทย์ผู้ฉีดฟิลเลอร์ปากแค่ไหน เช่น
- งดดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มร้อน ๆ และสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันการอักเสบ บวม อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- งดกิจกรรมหรือออกกำลังกายหนัก ๆ ที่ส่งผลให้ปากเสียทรงอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงสัมผัสริมฝีปากเพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเคลื่อน
- ดื่มน้ำมาก ๆ ประมาณ 2.5-3 ลิตร/วัน เพื่อให้ฟิลเลอร์ฟู และอยู่ได้นานขึ้น
- ไม่ควรดึงหรือลอกหนังริมฝีปาก เพราะทำให้ความชุ่มชื้นลดน้อยลง
- สามารถกินยาแก้ปวด พาราเซตามอลเมื่อปวด
- ให้ประคบเย็น 15 นาทีเพื่อบรรเทาอาการบวม คัน ฟกช้ำ และอื่น ๆ
ฉีดฟิลเลอร์ปากมีอันตรายไหม
ฉีดฟิลเลอร์ปากอันตรายไหม เราตอบได้ทันทีเลยว่าไม่อันตรายถ้าคนไข้เลือกทำกับคลินิกมาตรฐาน ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์มาเป็นผู้ฉีดฟิลเลอร์ปาก และใช้ยี่ห้อฟิลเลอร์ปากของแท้ 100% ที่สามารถสลายได้เองหมด ได้รับการรับรองคุณภาพว่าปลอดภัยจากอย. FDA
สรุปฟิลเลอร์ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นหัตถการที่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง การฉีดฟิลเลอร์ได้ตรงจุดจะช่วยแก้ไขปัญหาทรงรูปหน้าด้วยการปรับทรงริมฝีปาก นอกจากนี้ควรเลือกทำในคลินิกที่น่าเชื่อถือ ได้มาตรฐานปลอดภัย ถูกรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีริวิวดีมากจากลูกค้าที่เคยใช้บริการ ซึ่งคุณสามารถหาบริการฉีดฟิลเลอร์ปากที่ครบทุกข้อได้จากที่ “รมย์รวินท์ คลินิก”