ผ่าตัดเข่าเสื่อม เปลี่ยนข้อเข่าเทียม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า
โรคข้อเข่าเสื่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ที่อาการข้อเข่าเสื่อมรุนแรงจนไม่สามารถขยับข้อเข่าได้เป็นปกติอีกต่อไป การผ่าตัดเข่าเสื่อมด้วยการเปลี่ยนข้อเข่าเทียม จึงเป็นวิธีสุดท้ายที่จะช่วยให้คุณสามารถกลับมาใช้งานข้อเข่าได้ดีอีกครั้ง
โรคข้อเข่าเสื่อม คืออะไร? อาการแบบไหนเรียกข้อเข่าเสื่อม?
โรคข้อเข่าเสื่อม คือ ภาวะที่กระดูกอ่อนผิวข้อเข่าเกิดการเสื่อมสภาพ ทำให้ผิวข้อขรุขระและบางลง ส่งผลให้เกิดการเสียดสีกันระหว่างกระดูกต้นขากับกระดูกหน้าแข้ง ทำให้เกิดอาการปวดบวมที่ข้อเข่าจนเคลื่อนไหวไม่สะดวกเหมือนเดิม โดยสาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อมนั้นอาจเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งอายุที่เพิ่มขึ้น การใช้งานข้อเข่ามากเกินไป การบาดเจ็บที่ข้อเข่า การติดเชื้อ หรือแม้แต่พันธุกรรมล้วนส่งผลต่อโอกาสเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม
อาการข้อเข่าเสื่อมจะเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไปตามระดับความเสื่อมของผิวข้อเข่า โดยอาการจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ได้รับการรักษา จนนำไปสู่ข้อเข่าเสื่อมรุนแรง ซึ่งในระยะนี้ผิวข้อเข่าแทบจะไม่เหลืออีกต่อไป และจำเป็นจะต้องเข้ารับการผ่าตัดเข่าเสื่อม เปลี่ยนข้อเข่าเทียม เพื่อให้กลับมาเคลื่อนไหวข้อเข่าได้อีกครั้ง ซึ่งอาการข้อเข่าเสื่อมรุนแรงมีดังนี้
- ปวดข้อเข่ารุนแรงมากจนไม่สามารถเดินหรือเคลื่อนไหวข้อเข่าได้เป็นปกติ
- ข้อเข่าแข็ง ข้อติด เหยียดหรืองอข้อได้ยากมาก
- ข้อเข่าผิดรูป
- เมื่อเอกซเรย์จะพบว่าผิวข้อเข่าถูกทำลายไปเกือบหมด พบกระดูกงอก และจะแทบไม่เห็นช่องว่างระหว่างกระดูกต้นขาและกระดูกหน้าแข้ง
- ไม่สามารถบรรเทาอาการปวดด้วยการใช้ยาหรือทำกายภาพบำบัด
การผ่าตัดเข่าเสื่อมมีข้อดีอย่างไร?
การผ่าตัดเข่าเสื่อม เปลี่ยนข้อเข่าเทียม เป็นทางเลือกในการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดข้อเข่ารุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอื่น ๆ การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมจะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกครั้ง ดังต่อไปนี้
- อาการปวดข้อเข่าลดลงจนสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ
- ข้อเข่ากลับมาใช้งานได้ดีอีกครั้ง สามารถเดิน วิ่ง หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้โดยไม่ติดขัดอีกต่อไป
- ข้อเข่ากลับมาแข็งแรง และมั่นคงขึ้น ช่วยให้ทรงตัวได้ดีและลดการเกิดอุบัติเหตุได้
- ลดโอกาสที่ข้อเข่าจะเสื่อมมากขึ้น ช่วยให้ข้อเข่าสามารถใช้งานได้ยาวนาน
ผ่าตัดเข่าเสื่อมมีกี่ประเภท ต่างกันอย่างไร?
การผ่าตัดข้อเข่าเทียมเป็นการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมที่ให้ผลลัพธ์ในการรักษาดีที่สุดในปัจจุบัน โดยการผ่าตัดจะทำการแทนที่ผิวข้อเข่าเดิมที่เสื่อมสภาพด้วยผิวข้อเข่าเทียมที่ทำจากไทเทเนียมหรือวัสดุเกรดการแพทย์อื่น ๆ ซึ่งจะมีรูปแบบการผ่าตัดเข่าเสื่อมอยู่ 2 ประเภท ดังนี้
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งหมด (Total Knee Replacement: TKR)
เป็นวิธีผ่าตัดเข่าเสื่อมด้วยการใช้ข้อเข่าเทียมแทนที่ผิวข้อเข่าเดิมทั้งหมด ทั้งส่วนของกระดูกต้นขา กระดูกหน้าแข้ง และกระดูกสะบ้า ซึ่งวิธีผ่าตัดเข่านี้สามารถแก้ไขปัญหาข้อเข่าเสื่อมได้ทั้งหมด ทำให้ข้อเข่ากลับมาตรงไม่โก่งงอ และกลับมาเคลื่อนไหวได้ตามปกติ โดยการผ่าตัดข้อเข่าเสื่อม เปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งหมดเหมาะกับผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่มีอาการข้อเข่าเสื่อมรุนแรงทั่วทั้งข้อเข่า มีอาการปวดเรื้อรัง ขยับข้อเข่าได้ยาก
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (Unicompartmental Knee Replacement: UKA)
เป็นวิธีผ่าตัดเข่าเสื่อมโดยการใช้ข้อเข่าเทียมแทนที่ผิวข้อเข่าเดิมบางส่วนที่เสื่อมสภาพเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นส่วนด้านในหรือด้านนอกของข้อเข่า วิธีผ่าตัดข้อเข่าเสื่อมนี้จะช่วยลดผลกระทบหลังผ่าหัวเข่า สามารถฟื้นตัวได้เร็ว เหมาะกับผู้ป่วยที่ข้อเข่าเสื่อมเฉพาะจุด
อาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังผ่าตัดเข่าเสื่อม
ภาวะแทรกซ้อนที่มีโอกาสเกิดขึ้นหลังผ่าตัดเข่าเสื่อมมีดังนี้
- การติดเชื้อ
- เลือดออกมาก
- ลิ่มเลือดอุดตัน
- เส้นประสาทถูกกดทับ
ซึ่งอาการแทรกซ้อนหลังผ่าเข่าเสื่อมเหล่านี้พบได้น้อยในปัจจุบัน เนื่องจากเทคนิคการแพทย์และเทคโนโลยีมีความปลอดภัยสูง และโอกาสพบอาการแทรกซ้อนหลังผ่าตัดหัวเข่าจะยิ่งน้อยลงหากผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ผ่าตัดเข่าเสื่อม ทางเลือกรักษาเพื่อกลับมาใช้ชีวิตอย่างเต็มที่อีกครั้ง
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมเป็นวิธีการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ช่วยให้ผู้ป่วยที่เคยทุกข์ทรมานกับอาการปวดข้อเข่าจนเคลื่อนไหวแทบไม่ได้ สามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพอีกครั้ง นอกจากนี้ยังไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องอาการแทรกซ้อนรุนแรงหลังผ่าตัดเข่าเสื่อม เพราะเทคโนโลยีและเทคนิคการแพทย์ในปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปมาก จึงลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าเข่าได้มากขึ้น หากผู้ป่วยปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด