ประกันรถยนต์ชั้น 3 ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ
ถ้าอยากจ่ายเบี้ยประกันแบบไม่หนักกระเป๋า แต่ยังอยากมีแบ็กอัปไว้เวลาชนคนอื่น ประกันชั้น 3 คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบโจทย์สุด ๆ สำหรับคนที่ใช้รถเก่า รถจอดมากกว่าวิ่ง หรืออยากคุมงบแบบตรงจุด รู้ไว้ก่อนซื้อ คุ้มแน่นอน
สารบัญบทความ
- ประกันรถยนต์ชั้น 3 คืออะไร?
- ประกันชั้น 3 เหมาะกับใคร และไม่เหมาะกับใคร?
- ประกันชั้น 3 คุ้มครองอะไรบ้าง และมีข้อจำกัดอะไร?
ประกันรถยนต์ชั้น 3 คืออะไร?
ประกันรถยนต์ชั้น 3 คือประกันภาคสมัครใจที่เน้นความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายที่เกิดกับบุคคลภายนอกเท่านั้น โดยจะไม่ครอบคลุมความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกันเลย ไม่ว่าจะเป็นรอยเฉี่ยวชนเล็กน้อยหรืออุบัติเหตุหนักขนาดไหน ตัวรถของเราก็จะไม่ได้รับการดูแลในส่วนนี้
แต่จุดที่ประกันชั้น 3 โดดเด่นคือให้ความคุ้มครองเต็มที่ในฝั่งของคู่กรณี เช่น ถ้าเราขับไปชนรถคันอื่น ประกันจะรับผิดชอบค่าซ่อมรถของเขาให้ รวมถึงดูแลค่ารักษาพยาบาลทั้งของเขาและของเราด้วย รวมถึงผู้โดยสารที่อยู่ในรถของเราทุกคนก็จะได้รับความคุ้มครองในกรณีบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต
ประกันรถยนต์ชั้น 3 ยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับคนที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายเบี้ยประกัน เพราะเบี้ยจะถูกกว่าประกันชั้นอื่นแบบชัดเจน และไม่จำเป็นต้องตรวจสภาพรถก่อนทำประกันด้วย เรียกได้ว่าเป็นทางเลือกที่ประหยัดและง่ายสำหรับบางสถานการณ์
ประกันชั้น 3 เหมาะกับใคร และไม่เหมาะกับใคร?
ผู้ใช้รถไม่บ่อย หรือมีรถเก่ามาก
ประกันรถยนต์ชั้น 3 เหมาะกับคนที่ไม่ได้ใช้รถบ่อย หรือมีรถเก่าที่มูลค่าตลาดลดลงมากแล้ว เช่น รถที่อายุเกิน 10 ปีขึ้นไป เพราะหากเกิดอุบัติเหตุแล้วต้องซ่อมรถตัวเอง ก็ค่าใช้จ่ายอาจจะพอรับได้อยู่ และไม่จำเป็นต้องใช้วงเงินประกันสูง ๆ ไปดูแลรถที่ราคาตกไปเยอะแล้ว
ในกรณีที่ใช้รถเฉพาะเสาร์อาทิตย์ หรือวิ่งในระยะทางใกล้ ๆ การทำประกันชั้น 3 ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว เพราะความเสี่ยงจะเกิดขึ้นน้อยกว่า และไม่จำเป็นต้องเสียเงินเพิ่มในส่วนที่ไม่ได้ใช้งานจริง
กรณีที่ไม่ควรเลือกประกันชั้น 3
ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นมือใหม่หัดขับ หรือเพิ่งมีรถคันแรก เพราะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูง และถ้าหากไม่มีความคุ้มครองในฝั่งของรถเราเลย อาจต้องควักกระเป๋าซ่อมเองเต็มจำนวนซึ่งเจ็บหนักกว่าเดิม
คนที่ใช้รถราคาสูง หรือเป็นรถใหม่ที่เพิ่งซื้อมา ควรเลี่ยงประกันชั้น 3 ไปเลย เพราะไม่มีความคุ้มครองใด ๆ ต่อตัวรถ หากเกิดเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น โดนเฉี่ยวตรงกันชน หรือโดนชนท้ายในลานจอด ต้องซ่อมเองทั้งหมด
อีกเคสที่ควรเลี่ยงคือผู้ที่ใช้รถในพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูง เช่น ขับรถในเมืองที่จราจรหนาแน่น หรือต้องใช้งานในช่วงเวลาเร่งด่วน การไม่มีความคุ้มครองฝั่งของรถตัวเองอาจทำให้การรับมือกับสถานการณ์หลังเกิดเหตุยุ่งยากกว่าเดิม
ประกันชั้น 3 คุ้มครองอะไรบ้าง และมีข้อจำกัดอะไร?
ประกันรถยนต์ชั้น 3 ให้ความคุ้มครองใน 3 ส่วนหลัก ซึ่งแต่ละส่วนก็มีรายละเอียดที่ควรรู้ให้ครบก่อนตัดสินใจซื้อ
- ความเสียหายต่อทรัพย์สินของคู่กรณี ถ้าขับรถไปชนทรัพย์สินของคนอื่น เช่น รถ บ้านคนอื่น ร้านค้า รั้ว หรือเสาไฟ ประกันชั้น 3 จะเข้ามารับผิดชอบค่าเสียหายตามวงเงินที่เลือกไว้ในกรมธรรม์
- ค่ารักษาพยาบาล ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอก ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วมีคนเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นคนเดินถนน หรือผู้โดยสารในรถคันอื่น ประกันชั้น 3 จะดูแลค่ารักษา ค่าชดเชย และค่าปลงศพให้ตามสิทธิ์ที่กำหนด
- ค่ารักษาพยาบาลของผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถผู้เอาประกัน แม้จะไม่ได้คุ้มครองตัวรถของเรา แต่คนในรถยังได้รับความคุ้มครองเช่นกัน หากมีอาการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
ข้อจำกัดของประกันชั้น 3 ที่ควรรู้
- ไม่คุ้มครองรถของผู้เอาประกัน ไม่ว่าชนเองหรือโดนชน ไม่มีค่าซ่อมให้
- ไม่คุ้มครองกรณีไม่มีคู่กรณี เช่น ขูดกำแพง หรือโดนชนแล้วหนี
- ไม่ครอบคลุมกรณีไฟไหม้ น้ำท่วม รถหาย หรือความเสียหายจากภัยธรรมชาติ
ประกันรถยนต์ชั้น 3 เป็นทางเลือกที่ดีถ้ารู้ว่าจะใช้งานรถน้อย และมีแผนควบคุมความเสี่ยงไว้แล้ว แต่ต้องเข้าใจขอบเขตของความคุ้มครองให้ชัดเจน เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์นอกเหนือจากที่กรมธรรม์ครอบคลุมไว้ อาจต้องจ่ายเองทั้งหมด
